หากใครติดตามข่าวเทคโนโลยีก็จะพบเห็นชื่อ Blind ขึ้นมาบ่อย ๆ ในฐานะแพลตฟอร์มวงในของพนักงาน IT ในบริษัทระดับโลก ที่เอาไว้พูดคุยกันทุกเรื่องตั้งแต่ชีวิตการงาน จนไปถึงเรื่องฉาว ประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นในโลกผู้พัฒนา ดังนั้นคราวนี้เราเลยอยากพาทุกคนไปทำความรู้จัก Blind กันว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นแพลตฟอร์มอะไร มีวิธีเข้าไปใช้งานยังไง และที่ผ่านมีเว็บนี้ส่งผลอะไรกับโลกเทคโนโลยีบ้างครับ

Blind คืออะไร

Blind หรือ TeamBlind เป็นแพลตฟอร์มให้พนักงานในบริษัทเข้าไปตั้งกระทู้พูดคุยสนทนากันได้อย่างไม่ระบุตัวตน มีการแบ่งกระทู้เฉพาะเอาไว้พูดคุยกันของแต่ละบริษัท โดยใช้ระบบที่กำหนดให้ผู้ใช้งานต้องได้รับการยืนยันตัวตนว่าเป็นพนักงานบริษัทจริง ๆ เท่านั้น ถึงจะใช้งานได้ นอกจากนี้ตัวแพลตฟอร์มยังให้บริการอื่น ๆ เช่นแหล่งรวมรีวิวบริษัทจากพนักงานจริง, บริการประกาศจัดหางานสำหรับผู้จ้างและลูกจ้าง, และบริการวิเคราะห์ความคิดของลูกจ้างต่อบริษัทจากข้อมูลที่ผู้ใช้โพสต์กันไปด้วย เรียกได้ว่าเก็บครบทุกบริการสำคัญในแวดวงการทำงานเลยทีเดียว

ซึ่งขณะนี้ Blind ก็ได้เริ่มขยับขยายวงการให้หลากหลายมากขึ้น เช่นรองรับพวกบริษัทการเงิน การแพทย์ อุตสาหกรรมการบิน การสื่อสาร และอื่น ๆ อีกมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็จะยังพยายามจำกัดให้ผู้ใช้งานเป็นคนในวงการตัวจริงเท่านั้น เพื่อรักษาความรู้สึก”เฉพาะทาง” ของแต่ละห้องในแพลตฟอร์มเอาไว้ครับ

หน้าเว็บ Blind มีให้เลือกอ่านกระทู้เด่น และหัวข้อตามความสนใจมากมาย

วิธีการสมัครบัญชี Blind

Blind ไม่ใช่แพลตฟอร์มที่ใครจะเข้าไปเล่นก็ได้ จะจำกัดไว้ให้พนักงานที่ทำงานในบริษัทจริง ๆ ใช้งานเท่านั้น โดยใครที่สนใจใช้งานต้องใช้อีเมลบริษัทในการสมัครบัญชี แล้วก็จะสามารถเข้าอ่าน ตั้งกระทู้ เขียนคอมเมนต์ได้ทุกที่ ส่วนใครที่ใช้อีเมลส่วนตัวสมัครก็จะทำได้เพียงอ่านโพสต์สาธารณะในเว็บเท่านั้น ไม่สามารถเข้าถึงกระทู้เฉพาะของบริษัทใด ๆ ได้ ซึ่งก็ไม่ต่างกับการเข้าเว็บโดยไม่ได้ใช้บัญชีอะไรเลยนั่นเอง

ตัวหนังสือเตือนว่าเข้าถึงเนื้อหาได้จำกัด หากใช้อีเมลทั่วไปสมัคร

ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าอีเมลจากทุกบริษัทในโลกจะสามารถสมัครแล้วมีห้องกระทู้ของตัวเอง แต่เค้าได้กำหนดว่าต้องมีบัญชีจากโดเมนอีเมลนั้น ๆ มาสมัครกันถึง 30 คน ถึงจะมีการสร้างกลุ่มเฉพาะขึ้นมาครับ

นอกจากนี้ยังมีระบบป้องกันพนักงานเก่าเข้าถึงความลับจากในบริษัทตัวเองได้ เพราะเค้าจะมีการยืนยันอีเมลส่งมาให้บ่อย ๆ เพื่อการนี้โดยเฉพาะ และก็มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอื่น ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าคนนอกจะเข้าถึงข้อมูลวงในของบริษัทต่าง ๆ ไม่ได้ด้วย

ตัวอย่างประเด็นร้อนที่เคยเป็นข่าวจาก Blind

ด้วยความที่ผู้ใช้งานสามารถโพสได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกหาตัวเจอ Blind จึงเป็นที่ระบายความในใจ และแชร์เรื่องราวสุ่มเสี่ยงต่าง ๆ ที่ปกติพนักงานไม่กล้าพูดถึงกันเพราะอาจโดนเพ่งเล็งจากที่ทำงานได้ เป็นเหตุให้คนนอกอย่างเรา ๆ ได้เข้าถึงข้อมูลสุด exclusive จากวงการเทคได้ ซึ่งก็ออกเป็นข่าวดังมาแล้วหลายเรื่อง และส่งผลถึงขึ้นเกิดการปรับเปลี่ยนองค์กร การไล่พนักงานหรือผู้บริหารออก และเรื่องอื่น ๆ อีกเต็มไปหมด

Elon Musk หัวหน้าใหม่จอมเผด็จการของ Twitter

เรื่องล่าสุดที่เราเห็นกันคงเป็นข่าวการเข้าซื้อทวิตเตอร์และการเปลี่ยนแปลงแพลตฟอร์มครั้งใหญ่โดย Elon Musk ที่ทำเอาพนักงานเข้ามาระบายบน Blind กันรัว ๆ แสดงความไม่พอใจของระบบและวัฒนธรรมการทำงานแบบใหม่ ที่มุ่งเน้นให้คนโหมทำงานหนักมากขึ้นเพื่อเปลี่ยนแพลตฟอร์มให้เป็นไปตามความต้องการของอีลอน นอกจากนี้ยังได้มีหัวหน้าทีมการตลาดจากเอเจนซี่ใหญ่เผยมาด้วยว่าประสิทธิภาพโฆษณาบน Twitter ลดลงมากหลัง Elon เป็น CEO จนบริษัทตัดสินใจยุติการโฆษณาบนทวิตเตอร์ และยังมีเรื่องประเด็นยิบย่อยอีกมากมายที่โผล่ขึ้นมาเรื่อยบน Blind ในช่วงนี้

ประเด็นล่วงละเมิดทางเพศในบริษัท Uber

หนึ่งในเรื่องฉาวที่โด่งดังมากช่วงปี 2017 คือการที่พนักงานหญิงที่ทำงานในบริษัท Uber ออกมาระบายบน Blind ว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศโดนหัวหน้า และโดนข่มขู่ให้เก็บเรื่องเงียบไม่งั้นอาจโดนไล่ออกได้ จนเป็นเหตุให้มีการตรวจสอบภายในองค์กรและลงโทษผู้กระทำผิดด้วยการไล่ออกในที่สุด

การเอาเปรียบพนักงานของ Amazon

บริษัท Amazon นั้นมีประเด็นสภาพการทำงานที่ย่ำแย่สำหรับพนักงานที่คอยจัดการสินค้าในโกดัง โดยพนักงานมักบ่นกันเรื่องการทำงานภายใต้ความกดดันสูง เป้าการทำงานที่รัดกุมต้องแข่งกันเวลาตลอดเวลา จนถึงขั้นจะพักเบรกไปเข้าห้องน้ำยังทำไม่ได้ พนักงานเหล่านี้ก็ได้บ่น ๆ กันบน Blind ก่อนที่จะเรื่องไปถึงนักข่าวเกิดเป็นเรื่องดังขึ้นมา

Meta ปลดพนักงานครั้งใหญ่

บริษัท Meta ตอนนี้ก็เป็นที่จับตามองอย่างมากหลังหันมาทำ Metaverse อย่างเต็มตัว เลยมีพนักงานมาพูดคุยกันว่าตอนนี้บริษัทดูท่าจะไม่ดีบ้าง เหมือนว่า Mark จะคลั่งไปแล้วบ้าง และที่สำคัญก็เคยมีคนมาบอกไว้ว่า Meta จะทำการปลดพนักงานออกครั้งใหญ่เพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากนั้นไม่นานก็เกิดการปลดจริงตามคำอ้าง

จะเห็นได้ว่า Blind นั้นเป็นช่องทางนึงที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ ในบริษัทระดับโลกได้ และยังเป็นแหล่งข้อมูลที่เผยเรื่องราวสำคัญต่าง ๆ ของอุตสาหกรรมให้โลกภายนอกได้รู้กันอีกด้วย

Blind สังคมออนไลน์ที่เป็นมิตร…และเป็นพิษ

ในเว็บ Blind ตามปกติก็จะมีพวกกระทู้พูดคุยสนทนา แชร์ประสบการณ์ แนะนำเรื่องต่าง ๆ หรือใช้พูดคุยเรื่องละเอียดอ่อนเช่นเรื่องเงินเดือนของตำแหน่งต่าง ๆ, การนินทาเหล่าหัวหน้าหรือ HR, แผนลาออกจากบริษัท, และอื่น ๆ อีกมากมายที่ปกติแล้วจะไม่ค่อยสามารถทำได้ในแพลตฟอร์มการติดต่ออื่น ๆ ทำให้พนักงานมีพื้นที่แลกเปลี่ยนแบบตรงไปตรงมาที่สุด ไม่ต้องกลัวหรือเกรงใจกันเท่าไร

แต่แน่นอนว่าฟังก์ชันไร้ตัวตน หนึ่งในจุดเด่นของ Blind ก็ถือเป็นดาบสองคม ในแง่นึงก็เปิดให้ทุกคนได้พูดคุยอย่างสร้างสรรค์เต็มที่ แต่ในอีกแง่ก็อาจเป็นช่องทางให้คนเรานำเสนอความคิดสุดโต่ง พูดทำร้ายจิตใจกันได้สุดขั้ว หรือสร้างเป็นสังคมที่มีความเป็นพิษขึ้นมานั่นเอง ซึ่งผู้ใช้บางคนก็ออกมาให้ข้อมูลว่าโลกของ Blind นั้นบ่อยครั้งเป็นพื้นที่ให้คนมาพูด “อวด” เงินเดือนและความสามารถของตน ซึ่งก็จะมีผู้ใช้คนอื่น ๆ มาพูดเบ่งกันอีก พาลทำให้พนักงานคนอื่นอาจรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า เพราะคนที่ออกมาพูดเรื่องแบบนี้มักเป็นคนที่มีเงินเดือนสูง และตำแหน่งใหญ่โตเป็นพิเศษทั้งนั้น

และดูเหมือน Blind ยังเป็นแหล่งรวบรวมคนประเภทนักล่าเงินเดือนแบบนี้อยู่อีกไม่น้อย จากที่ผู้ใช้รายงานว่าเวลามีโพสให้เลือกระหว่างชีวิตที่มีความสุข กับเงิน ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะตอบว่าเงินมันต้องมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังเกิดสำนวน “TC or GTFO” หรือ Total Compensation or Get The F*ck Out ที่แปลว่าให้ “ยอมบอกค่าตอบแทนทั้งหมดของตำแหน่งแกมาซะดี ๆ ไม่งั้นก็ไสหัวไป” ที่แสดงให้เห็นทัศนคติของคนในแวดวงเทคโนโลยีเหล่านี้ได้เป็นอย่างดีครับ

สรุป

สุดท้ายแม้ Blind จะไม่ใช่แพลตฟอร์มที่เพอร์เฟ็กต์ แต่สำหรับคนที่สนใจในเรื่องวงการเทคโนโลยี เทรนด์และกระแสต่าง ๆ ก็สามารถเข้าไปใช้งานสืบหาความรู้เรื่องเหล่านี้ได้ในกระทู้สาธารณะ และสำหรับพนักงานบริษัทท็อป ๆ อันดับโลกนั้นก็จะถือเป็นพื้นที่สุด Exclusive ให้ได้เข้าไปคุยกันได้อย่างออกรสในทุกเรื่องของสายอาชีพ และในบทบาทแพลตฟอร์ม Social Media ก็ถือว่า Blind ได้บุกเบิกแนวคิดการใช้งานที่ตรงใจของผู้ใช้ แถมยังสามารถเก็บเกี่ยวข้อมูลเหล่านี้มาเป็นข้อมูลเพื่อให้บริการบริษัทต่าง ๆ ได้อีก

ต่อไปนี้ก็คาดว่าเราจะได้เห็นเรื่องราวต่าง ๆ หลุดออกมาจาก Blind มากขึ้นเรื่อย ๆ จากความนิยมของผู้ใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น แต่ก็น่าสงสัยเหมือนกันว่าหากมีคนเข้าไปใช้งานกันจนถึงจุดอิ่มตัวแล้ว แพลตฟอร์มนี้จะยังคงเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนลับ  ๆ ของเหล่าพนักงานได้หรือไม่ หรือมันจะกลายเป็นกระดานข้อความของบริษัทเฉย ๆ เพราะทุกคำพูดจะถูกจับตาจากเบื้องบน ก็น่าติดตามต่อไปครับ

 

ที่มา : earlymagazinetechcrunch