ในช่วงที่ผ่านมาได้เกิดกระแสและแรงต้านต่อ Grab หลังมีการขึ้นราคาค่า GP หรือค่าคอมมิชชั่น ต่อร้านอาหารจากเดิมสูงสุด 30% เป็น 35% ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า Grab ฉวยโอกาสในช่วงที่เกิดวิกฤติ จนทำให้บางคนถึงขั้นแบนไม่ใช้บริการไปเลยก็มี ล่าสุดทาง Grab ได้ออกมาแถลงว่าทำการลดค่า GP กลับลงไปเหลือ 30% เท่าเดิมเรียบร้อย พร้อมเร่งขยายจังหวัดที่รองรับ และเร่งขั้นตอนรับร้านเข้าสู่ระบบให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

ไม่ใช่ทุกร้านที่โดนค่าคอม 30% และบางรายไม่โดนคิดเลยก็มี

เมื่อเราสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องค่า GP นี้ ทาง Grab ได้ให้ข้อมูลว่าไม่ใช่ทุกร้านที่ค่าคอมคิดเต็มแม็กซ์ 30% มีการคิดเรตแต่ละร้านให้เป็นช่วง ตั้งแต่ 0-30% ซึ่งจะมีหลักเกณฑ์ในการให้เรตที่ชัดเจน แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดหรือร้านค้าที่ได้น้อยกว่า 30% เนื่องจากเป็นเรื่องของความลับทางการค้า (และร้านค้าเหล่านี้ก็คงไม่อยากจะพูดเช่นกัน) โดยการลดค่าคอมร้านอาหารในครั้งนี้ จะมีผลทันทีตั้งแต่เมื่อวาน (1 เม.ย.) ที่ผ่านมา ได้ทั้งร้านค้าเดิมและร้านค้าใหม่ ในกรณีที่ร้านค้าใดที่ไม่ได้มีค่าคอมแตะที่เพดานอยู่แล้ว สามารถติดต่อทาง Grab เพื่อสอบถามเพิ่มเติมได้ แต่ร้านค้าในส่วนของ GrabKitchen ที่ทาง Grab เปิดเป็นครัวกลางให้ร้านอาหารมาเปิดเพื่อทำส่งเท่านั้น จะไม่ได้ลดลงด้วย ยังคงเรตที่ 35% เท่าเดิม

Grab เปิดครัวครัวกลางสำหรับร้านอาหาร นำร้านดังสู่กลางเมือง สั่งออเดอร์เดียวจากหลายร้านได้เลย

หลายร้านที่เลือกเปิดใน GrabKitchen และยอมเสียค่าคอมในจำนวนมากเพื่อแลกกับบริการและการตลาดที่ได้รับ

หยุดค่าส่งเพิ่ม 10 บาท คงค่าส่งรายการย่อย 20 บาท

อัพเดทอีกแคมเปญเป็นกระแสบนโซเชียลหนักมาก คือการขอเพิ่มค่าส่ง 10 บาท โดยตัวแอปอ้างว่าเพื่อเป็นกำลังให้เหล่าคนขับที่คอยรับส่งอาหารในช่วงนี้ แต่เหล่าคนขับกลับออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ได้ค่าส่งเพิ่ม ล่าสุดทาง Grab ก็ได้ประกาศยกเลิกแคมเปญนี้ไปแล้วเรียบร้อยโดยให้เหตุผลว่าสื่อสารผิดพลาดเพียงเท่านั้น

แต่ในช่วงเวลาเดียวกันกับการขอเพิ่มค่าส่งที่ถูกถอดไปแบบงงๆนี้ อีกค่าบริการที่ถูกเพิ่มเข้ามาก็คือ ค่าธรรมเนียม “คำสั่งซื้อขนาดเล็ก” โดยใครที่สั่งอาหารและมียอดรวมไม่ถึง 70 บาท จะต้องมีค่าธรรมเนียมในการส่งเพิ่มขึ้นอีก 20 บาท ซึ่งรายการนี้จะไม่ได้ถูกตัดทิ้งแต่อย่างใด คงไว้เหมือนเดิม ทาง Grab อ้างว่าจะทำให้ร้านค้ามีรายได้มากขึ้น แต่เข้าใจว่าไม่ใช่จะได้จาก 20 บาทนี้ แต่เป็นกลยุทธทางจิตวิทยาที่ทำให้ผู้ใช้ต้องสั่งเพิ่มเพื่อให้เกินเกณฑ์แทน ส่วนทาง Grab ก็จะมีรายได้ต่อคำสั่งซื้อขั้นต่ำเพิ่มขึ้นนั่นเอง

Support Local Restaurants ไอคอนเล็กๆโปรโมตร้านอาหารรายย่อย

อีกประเด็นหนึ่งที่ถูกหยิบยกกันขึ้นมาค่อนข้างมาก นอกเหนือจากเรื่องค่าคอมสุดโหดแล้ว การเติบโตของร้านเล็กในแอป​ Grab ยังเป็นไปได้ยาก โดยเมื่อเราเข้าตัวแอปไปหน้าแรกของ Grab Food พื้นที่เกือบจะทั้งหมดถูกจับจองไปด้วยเชนร้านอาหารขนาดใหญ่ ทำโปรโมชั่นที่น่าสนใจจนผู้ใช้อย่างเรา ๆ ต้องกดสั่งเกือบจะตลอดเวลา ไม่ค่อยเหลือรอดไปถึงร้านอาหารรายย่อยในพื้นที่สักเท่าไหร่ ซึ่งทาง Grab ก็เหมือนจะรับทราบปัญหาจึงพยายามดันแคมเปญ Support Local Restaurants ออกมา โดยทำการเพิ่มไอคอนเล็กๆมาให้สำหรับคนที่อยากจะสนับสนุน หรือหาร้านทั่วไปกินบ้าง

มีไอคอนเล็กๆขึ้นมาเสริมให้กับร้านค้ารายย่อย

เผยยอดสมัครใหม่ 2,000 ร้านค้าต่อวัน

โดยในช่วงวิกฤติ COVID-19 นี้ มีร้านอาหารรายย่อยสมัครเข้ามาสู่ระบบของ Grab สูงขึ้นมาก เฉลี่ยราว 2,000 ร้านค้าต่อวัน สูงกว่าปกติถึง 3 เท่า ซึ่งปกติจะต้องใช้เวลาตรวจสอบร้านอาหารก่อนจะเปิดจริงในระบบได้ราว 14-21 วัน แต่ทาง Grab ก็เล็งเห็นถึงความเร่งด่วน และเพิ่มทีมดูแลในส่วนนี้เท่าตัวเพื่อเร่งขั้นตอนรับสมัครและเปิดร้านให้ได้ภายใน 7-10 วัน แล้ว โดยใครที่สนใจอยากจะสมัคร จะมีขั้นตอนการลงทะเบียนตาม Flow ด้านล่างนี้เลย หรือสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.grabmerchantth.com/

ปัจจุบัน Grab เปิดให้บริการแล้ว 31 จังหวัด

มีครบทุกภาคในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย โดยในช่วงเดือนมกราคม ถึง มีนาคม ที่ผ่านมาได้มีการเปิดให้บริการเพิ่มเติมอีก 8 จังหวัด และเตรียมเปิดเพิ่มอีก 9 จังหวัดในอีก 3 เดือนข้างหน้าด้วย ซึ่งมีแง้มรายชื่อจังหวัดที่จะอยู่ในกลุ่มนี้ ว่าอาจจะมี ราชบุรี เพชรบุรี สุรินทร์ หนองคาย เป็นต้น ส่วน 8 จังหวัดที่เพิ่มเติมเข้าในในช่วงต้นปี ได้แก่

  • ชลบุรี
  • ระยอง
  • นครปฐม
  • สุราษฎร์ธานี
  • นครศรีธรรมราช
  • ลำปาง
  • อุตรดิตถ์
  • มหาสารคาม

นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Rider ว่าเตรียมรับเพิ่มอีก 35,000 อัตรา ซึ่งจะขอยกไปเขียนแยกให้อีกทีในอีกข่าวแทนนะครับ