ความพยายามนำเอาเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าบุคคลในที่สาธารณะมาใช้กันนั้น เริ่มมีให้เห็นในขั้นทดสอบกันแล้วสำหรับหลายประเทศ โดยเฉพาะ 2 คู่ค้า คู่แค้นอย่าง สหรัฐฯ กับ จีนที่อาจเรียกได้ว่าเบียดแข่งกันมาเลย อย่างไรก็ตามความพยายามแรกในการทดสอบของมหานครนิวยอร์ค โดย Metropolitan Transportation Authority นั้น ออกไปทางล้มเหลวไม่เป็นท่านัก เพราะเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าที่ว่านี้ ไม่สามารถตรวจจับใบหน้าได้เลยแม้แต่คนเดียว
หลังจากที่ช่วงก่อนหน้านี้ จีนโชว์ผลงานจับกุมอาชญากรได้จากงานคอนเสิร์ต โดยมีรายงานว่าเป็นการพึ่งพาเทคโนโลยีเหมือน “ตาเทพ” ในภาพยนตร์สายลับชื่อดังอย่างไหงอย่างงั้นเลยทีเดียว (เชื่อกันว่า Huawei เป็นส่วนหนึ่งของผู้ร่วมคิดค้นและพัฒนาระบบนี้) คราวนี้เป็นตาของฝั่งสหรัฐฯโดยมหานครนิวยอร์คหวังจะได้เฉิดฉายกันบ้าง ตั้งเป้าเล่นใหญ่กับระบบตรวจจับใบหน้าอาชญากรผ่านกระจกรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยความเร็ว โดยติดตั้งระบบและทดสอบบนสะพาน Robert F. Kennedy แต่ผลทดสอบแรกปรากฏว่า “ตรวจจับไม่ได้แม้แต่ใบหน้าเดียว” 😯
[youtube https://www.youtube.com/watch?v=uReVvICTrCM]
เบื้องต้นทางทีมทดสอบรายงานว่าความเร็วรถที่สูงเกินไปยังคงเป็นอุปสรรคและนี่ก็เป็นเพียงแค่ขั้นต้นของการทดสอบเท่านั้น มีการยกตัวอย่างการทดสอบระบบเดียวกันนี้ที่ Oak Ridge National Laboratory ที่บันทึกเอาไว้ว่าระบบนี้มีความแม่นยำสูงถึง 80% สำหรับการตรวจจับใบหน้าบุคคลผ่านกระจกหน้ารถยนต์ อย่างไรก็ตามทำได้ที่ความเร็วต่ำๆ ไม่ใช่รถยนต์ที่กำลังพุ่งลงจากทางลาดชันอย่างบนสะพาน Robert F. Kennedy
นอกจากประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวหรือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลที่สังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมากอยู่แล้วนั้น สิ่งที่น่ากังวลไม่แพ้การนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้เพื่อประโยชน์ที่ผิดเลยก็คือ ความเสี่ยงเรื่องความแม่นยำของระบบ เพราะ ณ ตอนนี้ ที่ทดสอบกันอยู่ก็มีปัญหาให้เห็นกันแล้ว เช่น การจำแนกชาติพันธุ์ที่ไม่ใช่คนผิวขาวออกจากกัน การแยกแยะเพศ หรือแม้แต่รายละเอียดว่าอาชญกรจะปลอมตัวหรืออำพรางหน้าตาในการใช้งานจริงหรือไม่ และสำคัญที่สุดคือความแม่นยำที่ไม่ดีพออาจทำให้อาชญากรหลุดลอยไป หรือแย่สุดๆคือ “จับผิดตัว” หรือ “False Positives”
ที่มา: Engadget
มีหุ้นหัวเว่ยรึป่าวครับ ?? ชี้นำเยอะจัง ต้นข่าวที่ไปก๊อปมา ยังไม่มีการอ้างอิงเปรียบเทียบอะไรกับของจีนนะ เขียนบทความเอียงเยอะจัง ใครๆก็คิดได้มั้งว่าสถานะการณืต่างกันจะเอาเทียบกันได้ไง // ไม่ต้องกลัวหรอก คนอ่านมีสติคิดเองได้ อะไรดี อะไรไม่ดี ….. ต่อเติมเสริมแต่งความเห็นส่วนตัวด้วยความพอใจส่วนบุคล + อคติเยอะไปหน่อยนะครับ
ก๊อปเอามาเล่าต่อ + แทรกความชอบส่วนตัวมากไปไหมครับ บทความถึงเอียงเยอะจัง
ปล. ใส่เครดิตข่าวต้นทางแต่เอามายำใส่อคติส่วนตัวซะเยอะเลย ระวังต้นข่าวจะโดนเข้าใจผิดนะครับ ถ้าจะยำข่าวก็อย่าไปอ้างเครคิตคนอื่นให้เค้าเสียชื่อไปด้วยเลยครับ
เปรียบได้สิจีนทำสำเร็จแล้วทำมาก่อนแต่อเมริกาทำทีหลังซึ่งน่าจะดีกว่าแต่ทำแล้วกลับห่วยแตกร้อนจังติ่งไอ้กันป่าวเนี่ย5555
เคยเห็น DEMO ของหัวเหว่ยไหมครับ FACE RECOG ของ huawei ใช้กับ image processing ใช้ร่วมกับฐานข้อมูลคนร้าย แม่นยำมาก ขนาดใส่แว่นดำยังแยกออกเลยครับ ว่าใครเป็นใคร ผมเคยเห็น DEMO ของ huawei นั้นมี chip ประมวลผลกราฟฟิคอยู่ในตัวกล้องเลย หรือเรียกว่าใช้ชิฟกาดร์จอฝังไปในกล้องเลย ทำให้การประมวลผลภาพไม่มากระจุกอยู่ที่ศูนย์กลางอย่างเดียว เรัียกได้ว่าล้ำหน้ากว่าทางฝั่งเมกาเยอะครับ
ก่อน comment อย่าอยู่แต่ในกะลาครับ ลองหาข้อมูลว่าโลกเค้าพัฒนาไปได้ไกลถึงไหนแล้ว huawei ทำธุรกิจโทรศัพย์นั้นเป็นแค่เศษเสี้ยวหนึ่ง เค้าทำธุรกิจด้านเทเลคอมกับ enterprise, Goverment ใหญ่ๆมานานแล้ว พวก nokia, alcatel ก็เช่นกัน แต่เรียกได้ว่า HUAWEI พัฒนาไปไกลมาก
ผู้ทำท่านนึงกล่าวไว้ "ผู้ใดปฏิเสธจีน ผู้นั้นล้าหลัง"
https://mgronline.com/china/detail/9610000117249 ลองไปอ่านดูครับ จีนเดี๋ยวนี้ พัฒนาไปเยอะแล้วครับ
กลุ่มสื่อจีนรายงาน (23 พ.ย.) ระบบอัลกอริทึมของ “อีถู เทคโนโลยี” (YITU Technology) บริษัทผู้พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ในเซี่ยงไฮ้ได้รับรางวัลอันดับหนึ่งและรางวัลอันดับสองในการแข่งขันการรู้จำใบหน้า (Face Recognition Vendor Test: FRVT) ซึ่งจัดขึ้นโดย สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติ (NIST) ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ติดต่อกันเป็นปีที่สาม
ในขณะที่ระบบอัลกอริทึมของเซนส์ไทม์ (SenseTime) ในฮ่องกงได้รับรางวัลอันดับสามและอันดับสี่ ส่วนระบบอัลกอริทึมของสถาบันเทคโนโลยีเซินเจิ้น สำนักวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีนคว้ารางวัลอันดับห้า
ที่มา : http://www.manager.co.th
แต่ ของจีนที่เอามาเทียบ
เป็นแค่ตรวจจากคนเดิน และคนยืนนิ่งๆในคอนเสิร์ต
ไม่ได้ เทียบกับคนที่อยู่บนรถที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว นี่ครับ
แค่ติดฟิล์ม60ก่ะมืดละจำจับใบหน้ายังไง