แม้ว่าดีไซน์ของตัวเครื่องโทรศัพท์จะไม่ทันสมัยเหมือนกับค่าย Android อื่น ๆ แต่จุดขายของมือถือซีรีส์ iPhone ของ Apple อยู่ที่ระบบ iOS และหน่วยประมวล แต่ในงานเปิดตัว iPhone 13 ที่ผ่านมา บนเวทีกลับไม่ได้พูดถึงเรื่องชิปสักเท่าไหร่ แถมยังไม่เปรียบเทียบกับตัว A14 Bionic รุ่นเก่าอีกด้วย ทำให้หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า Apple อาจติดหล่ม โดนดูดพนักงานฝีมือเจ๋ง ๆ ออกไปซะเป็นส่วนใหญ่
เป็นเรื่องปกติของ Apple ที่จะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลฮาร์ดแวร์ภายในบางส่วนของอุปกรณ์ในงานเปิดตัว แต่จากข้อมูลใน Xcode 13 beta ที่เป็นโปรแกรมสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ชี้ให้เห็นว่า สมาร์ทโฟนในซีรีส์ iPhone 13 และ iPad 9 ที่พึ่งเปิดตัวไป ทุกรุ่นจะมี RAM เท่ากับรุ่นก่อนหน้าทั้งหมด iPad mini 6 เป็นเพียงอุปกรณ์เดียวที่ได้อัปเกรด RAM ขึ้นมาจากเป็น 4GB จากเดิม 3GB iPhone 13 mini ; iPhone 13 – RAM 4GB (เท่ากับ iPhone 12 mini ; iPhone 12) iPhone 13 Pro ; iPhone 13 Pro Max...
เป็นธรรมเนียมของทุกปีอยู่แล้ว ที่พอ Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่เมื่อไหร่ สมาร์ทโฟนของบริษัทฯ รุ่นปีที่แล้วจะต้องมีการปรับราคา โดยรอบนี้ iPhone 13 เปิดราคามาเท่า ๆ กับ iPhone 12 เมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้ ณ ปัจจุบัน ตอนนี้ iPhone 12 รุ่น mini ได้ถูกปรับลดราคา เหลือเพียงเริ่มต้นเครื่องละ 21,900 บาทเท่านั้น
ในงาน California Streaming ของ Apple ที่เพิ่งจบไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ทางบริษัทฯ ได้ถือโอกาสเปิดตัวชิปเซ็ตตัวใหม่ผลิตบนพื้นฐาน 5 นาโนเมตรของ TSMC เหมือนเดิมในชื่อ A15 Bionic ใช้ขับเคลื่อน iPhone 13 Series ทั้ง 4 รุ่น และ iPad mini 6 ซึ่งแน่นอนว่าใหม่กว่าย่อมแรงกว่า แต่ว่าในรอบนี้ Apple แอบแสบ นำไปเทียบกับชิปคู่แข่งในตลาด พบว่าประสิทธิภาพแรงกว่าเท่าตัวเลยทีเดียว
iPad mini 6 เปิดตัวมาแบบเซอร์ไพรส์พร้อมกับกระแสตอบรับที่ล้นหลามอย่างทันควัน เนื่องจากการแปลงโฉมดีไซน์ครั้งใหญ่ให้สอดคล้องกับอุปกรณ์อื่น ๆ ของ Apple โดยการปรับบอดีให้เหลี่ยมและตัดปุ่มโฮมออก และที่สำคัญคือ เปลี่ยนพอร์ตจาก Lightning มาเป็น USB Type-C ตามสมัยนิยมแล้ว เหมือนจับเอา iPad Air 4 มาย่อส่วนก็ไม่ปาน แต่ด้วยราคาที่กระโดดมาจาก iPad mini 5 อยู่ 4,000 – 5,000 บาท อาจทำให้บางคนลังเลได้เหมือนกัน (?)
เปิดตัวกันมาตามนัดเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ iPhone 13 Series ที่รอบนี้ Apple ขนมาทั้ง 4 รุ่นเช่นเคย ไล่ตั้งแต่ Mini, รุ่นธรรมดา, Pro ไปจนถึง Pro Max ว่าแต่คำถามที่ใครหลาย ๆ คนสงสัยว่า รุ่นไหนคุ้มค่ากับการซื้อที่สุด ตัวไหนสเปคดีที่สุด มาหาคำตอบได้ในบทความนี้เลยครับ ทีมงาน DroidSans ย่อยข้อมูลมาให้หมดแล้ว
หลังจากที่ Apple ได้เปิดตัว iPhone 13 ไปไม่นาน ล่าสุดบนเว็บ Apple Store ประเทศไทยก็ได้เปิดราคาและวางจำหน่ายแทบจะทันที พร้อมระบุวันจองและวันวางจำหน่ายเสร็จสรรพ ซึ่งทุกรุ่นสามารถสั่งจองผ่านหน้าเว็บได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2021 และเริ่มวางจำหน่ายจริง 8 ต.ค. 2021 ด้วยกัน เรียกได้ว่านี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยเราได้จับจอง iPhone รุ่นใหม่เร็วขนาดนี้ จากสมัยก่อนที่ปกติต้องรอถึงสิ้นเดือน ต.ค. นั่นเอง
Apple ยกขบวนสมาร์ทโฟนซีรีส์ iPhone 13 มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ มาครบ 4 รุ่น ทั้ง iPhone 13 mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max ไม่มีรุ่นไหนโดนตัดออกตามที่เป็นข่าวลือ มาพร้อมกับชิปเซตตัวใหม่ A15 Bionic ยัดระบบกันสั่นในเซนเซอร์มาให้ในกล้องหลักทุกรุ่น โดย iPhone 13 Pro และ 13 Pro Max จะได้หน้าจอ ProMotion 120Hz ด้วย ความจุเริ่มต้นขยับขึ้นเป็น 128GB ราคาเริ่มต้นเท่าเดิม 25,900 บาท
ภายในงาน California Streaming ทาง Apple ได้นำ Apple Watch ตัวใหม่ หรือรุ่นที่ 7 มาเปิดตัวตามคาด รอบนี้มาพร้อมกับสเปคที่อัปเกรดขึ้นกว่าเดิมเมื่อเทียบกับ Apple Watch Series 6 รองรับมาตรฐาน IP6X + WR50 แบตใช้ได้ยาวนานสุด 18 ชั่วโมง ในราคาเริ่มต้น $399 หรือราว ๆ 13,100 บาท (ยังไม่รวมภาษี)
เรียกว่ามาแบบเซอร์ไพรส์ไม่ตั้งตัวเหมือนกันสำหรับ iPad รุ่นใหม่ เพราะแทบไม่มีข่าวคราวอะไรเลยว่าจะมาเปิดตัวใน Apple Event นี้ด้วย แต่สุดท้ายแล้ว iPad 9th Gen ก็มาเผยโฉมเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าคราวนี้มันต้องได้รับการอัปเกรดสเปคหลาย ๆ อย่างขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นชิป A13 Bionic, กล้องหลัง-กล้องหน้าที่ประสิทธิภาพดีขึ้น แถมหน้าจอก็ยังดีขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก
