แม้จะเจอกับวิกฤตการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าหรือ COVID-19 เข้าอย่างจัง แต่ต้องบอกว่าวงการสมาร์ทโฟนของเราต่างผลิตนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ออกมาได้แบบไม่หยุดหย่อนจริงๆ ซึ่งในปีที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นอะไรใหม่ๆ เยอะพอสมควรเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นมือถือกล้องหน้าซ่อนใต้จอ ไปจนถึงคอนเซปท์มือถือจอม้วน ว่าแต่ในปีหน้าจะมีอะไรใหม่ๆ มาให้เราว้าวบัาง วันนี้ทีมงาน DroidSans จะมาคาดการณ์เทรนด์มือถือที่จะเกิดขึ้นในช่วงปีหน้า 2021 กันครับ

เอาล่ะ ขอบอกก่อนว่าบทความนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์และคาดการณ์ส่วนตัวของผมเท่านั้นนะครับ ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะมีบางอย่างเกิดขึ้นจริง และบางอย่างที่เดาผิด…ฉะนั้น ไม่เครียดเน้อ คิดซะว่ามาทายเล่นกันขำๆ ฮ่าๆ ทั้งนี้อะไรที่มันเว่อเกิน ผมก็จะไม่ใส่เข้ามานะ เอาแต่อะไรที่มันน่าจะเป็นไปได้เท่านั้นพอ รัดเข็มขัดให้แน่น แล้วมาอ่านไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า!

1. ลดของแถมในกล่อง

เริ่มต้นกับเทรนด์ที่มาแรงตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้กันก่อนเลยดีกว่ากับการตัดของแถมภายในกล่องมือถือออก โดยคนที่เริ่มเทรนด์นี้เป็นคนแรกๆ ก็คือ Apple นี่แหละ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พวกเขาได้เปิดตัว iPhone 12 พร้อมกับประกาศว่าต่อไปนี้จะไม่มีหัวชาร์จแถมมาแล้ว ใครอยากได้ต้องซื้อเพิ่มเอาเอง ซึ่งเหตุผลของการไม่แถมครั้งนี้ก็คือ เพื่อเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนั่นเอง อีกทั้ง Apple ยังบอกว่า ส่วนมากผู้ใช้งานก็มีหัวชาร์จกันอยู่แล้วคนละอันสองอัน การแถมหัวชาร์จเพิ่มมาอีกก็ดูจะเป็นการเพิ่มขยะอิเล็กทรอนิกส์…

เอาจริงตอนแรกก็คิดว่าจะมีแต่ Apple ที่กล้าทำอะไรแบบนี้ แต่ไปๆ มาๆ ฝั่ง Android ก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน เพราะล่าสุด Xiaomi ก็เป็นอีกหนึ่งเจ้าที่ออกมาประกาศว่า พวกเขาจะแถมหัวชาร์จมาในกล่อง Mi 11 เหมือนกัน ให้เหตุผลเดียวกับ Apple เป๊ะๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะไปแซว Apple มาหมาดๆ นอกจากนี้ Samsung ก็ดูเหมือนจะเป็นอีกหนึ่งค่ายที่เลือกที่จะทำอะไรแบบนี้ หลังจากอยู่ดีๆ โพสต์ที่พวกเขาเคยแซว Apple ก็หายไปจากโลกอินเทอร์เน็ตแบบไร้ล่องลอย ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า Galaxy S21 อาจตบเท้าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ไม่มีหัวชาร์จแถมมานั่นเอง

พอเป็นแบบนี้ก็คาดการณ์ได้ไม่ยากว่า อีกซักพัก Android รุ่นอื่นๆ ก็อาจจะทำตาม Apple ไม่แถมหัวชาร์จมาในกล่อง และอ้างเหตุผลอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนี่แหละ… แต่อย่างไรก็ตาม การที่ Android ไม่แถวหัวชาร์จ ถ้าคิดตามดีๆ มันดูเมคเซ้นส์กว่า Apple อยู่เล็กน้อยนะ เพราะหัวชาร์จของมือถือ Android ส่วนใหญ่ต่างเป็นพอร์ต USB-C ทั้งสิ้น แถมส่วนมากก็รองรับ USB-PD กันหมดแล้ว จะใช้หัวเจ้าไหนก็ขึ้นชาร์จไว Fast Charging เหมือนกันหมด

2. มือถือ 5G จะเป็นที่นิยมและราคาถูกกว่าเดิม

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ณ ปัจจุบัน 5G ได้กลายมาเป็นปัจจัยล่าสุดของการเลือกซื้อมือถือของผู้ใช้งานส่วนมากไปแล้ว ไม่ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนั้นจะมีสเปคที่แรงแค่ไหน ราคาดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่รองรับ 5G ก็อาจจะไม่เข้าไปเป็นตัวเลือกของใครหลายๆ คน…อย่างน้อยๆ หนึ่งในทีมนักเขียนของ DroidSans อย่างคุณ Xyanyde ก็ลั่นวาจาเอาไว้ว่า Mi 10T Pro เป็นมือถือที่ดีที่สุด ใครก็สู้ไม่ได้ เพราะสเปคโหด ราคาดี แถมใช้ 5G ได้อีกต่างหาก ไม่เหมือน OnePlus 8 Pro ของผมที่สเปคโหดไม่แพ้กัน สัมผัสจับถือพรีเมียม แต่ดันไปแพ้ที่ไม่รองรับ 5G ในไทยซะงั้น ฮ่าๆ

ในปีหน้า คาดว่ามือถือ 5G จะไม่ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่สมาร์ทโฟนเซ้คเม้นท์เรือธงหรือระดับกลางๆ อีกต่อไปแล้ว เพราะพักหลังๆ เราจะเห็นว่าทั้ง Qualcomm หรือ MediaTek ต่างคลอดชิปเซ็ตที่รองรับ 5G ในราคาที่เป็นมิตรกับกระเป๋าตังค์มามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Snapdragon 690 5G หรือ Dimensity 820 ที่ประสิทธิภาพความแรงไม่แพ้รุ่นพี่ อีกทั้งยังรองรับ 5G อีกต่างหาก

โดยมีความเป็นไปได้สูงมากๆ ที่ปีหน้า เหล่ามือถือราคาประหยัดจะเริ่มตบเท้ามีคำว่า 5G พ่วงต่อท้ายกันมากขึ้น จากเดิมที่ต้องทุบกระปุกหมูซื้อเรือธงรุ่นแพงๆ ถึงจะมีสิทธิ์ใช้ 5G ได้ ต่อไปอาจจะแค่ทุบหางหมูเล็กๆ ซื้อมือถือรุ่นกลางๆ รุ่นเริ่มต้น แต่ก็ได้สัมผัสเน็ตแรงๆ กับเขาเหมือนกัน

CHEAP PHONES ARE GETTING GOOD AND GOOD PHONES ARE GETTING CHEAP 

3. งานเปิดตัวแบบ Virtual Online

อันนี้อาจจะไม่ส่งผลกระทบถึงผู้ใช้งานทั่วไปแบบโดยตรง แต่สำหรับ Tech Writer อย่างพวกผม บอกเลยว่าอันนี้ส่งผลแบบสุดๆ เพราะเนื่องจากปีที่ผ่านมา COVID-19 เข้ามาทำให้แผนอะไรต่างๆ ที่เคยวางกันเอาไว้ต่างต้องพักหมด จากตอนแรกที่มีแพลนว่าต้องบินไปงานเปิดตัวที่ต่างประเทศ ทุกอย่างต้องพับลง โดยผู้อ่านน่าจะพอทราบกันอยู่แล้วว่า งานเปิดตัวมือถือส่วนมากตลอดในปี 2020 ที่ผ่านมา ต่างจัดแบบออนไลน์กันซะหมด

ซึ่งมือถือค่ายต่างๆ เลือกที่จะจัดงานเปิดตัวแบบออนไลน์แทน ทำให้ลูกเล่นงานเปิดตัวในแต่ละงานต่างมีอะไรให้ผู้ชมทางบ้านเลือกเล่นมากกว่าเดิมเยอะมากๆ ยกตัวอย่างง่ายๆ คือช่วง OnePlus Nord เปิดตัวนั้น ทางบริษัทลูกครึ่งจีนลูกครึ่งสวีเดน ได้นำเทคโนโลยีภาพเสมือนจริง มาประยุกต์ใช้ในงานเปิดตัว อันนี้ผมประทับใจแบบสุดๆ เพราะทางค่ายทำออกมาได้น่าสนใจและไม่น่าเบื่อเลย อีกทั้งตอนสุดท้าย ผู้ชมยังสามารถหาแว่น VR มาสวมใส่และแกะกล่องรับชมตัวเครื่องกันแบบ Virtually อีกด้วย

จริงอยู่ที่ปีหน้า ทุกอย่างอาจจะกลับมาเป็นปกติ แต่เชื่อได้เลยว่าลูกเล่นล้ำๆ แบบนี้น่าจะคงอยู่กับเราไปอีกนาน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ผู้ชมทางบ้านมีส่วนร่วมกับแบรนด์ในงานเปิดตัวนั่นเอง จากเดิมส่วนนี้จะมีแต่สื่อที่ได้สัมผัส ต่อไปนี้ผู้อ่านทุกคนก็จะได้สัมผัสประสบการณ์ดีๆ แบบนี้ไปกับพวกเราด้วยนั่นเอง เย้ ~~ มาอดหลับอดนอนไปด้วยกันนะทีหลัง ฮ่าๆ

4. อวดนวัตกรรมกันรัวๆ ด้วยมือถือคอนเซปท์

Xiaomi ถือเป็นเจ้าแรกๆ ของวงการเลยก็ว่าได้ ที่ขออวดนวัตกรรมผ่าน Mi Mix Alpha 5G มือถือจอรอบเครื่อง Surround Display ซึ่งบอกเลยว่าจะเรียกว่าจอมหาสมุทรก็ยังได้! แต่น่าเสียดายมากๆ ที่สถานะของ Mi Mix Alpha ยังคงเป็นเพียง “คอนเซปท์” เท่านั้น ไม่พร้อมที่จะวางขายจริงๆ

Play video

หรือจะเป็นมือถือจอม้วนสุดเทพ OPPO X 2021 ที่ออกมาเผยโฉมให้คนรักของล้ำๆ ได้น้ำลายไหลกัน เพราะมันเป็นมือถือที่ใช้เทคโนโลยีจอม้วนที่สามารถยืดได้ หดได้ แถมไม่หนาเหมือนกับเหล่ามือถือจอพับในปัจจุบันอีกด้วย

Play video

และเมื่อเร็วๆ นี้ OPPO (อีกแล้ว) ก็ได้ไปจับมือกับแบรนด์ดีไซน์ชื่อดังจากญี่ปุ่นอย่าง nendo มาช่วยออกแบบมือถือจอพับ 4 ส่วน ที่สามารถพับหน้าจอในรูปแบบต่างๆ เพื่อการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ

OPPO x nendo

แม้ว่าการเปิดตัวมือถือคอนเซปท์มันจะดูเหมือนเป็นการขิงนวัตกรรมแบบเลื่อนลอยไปหน่อย แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การทำแบบนี้ก็เหมือนกับเป็นการประกาศศักยภาพของทางค่ายว่าพวกเขามีความสามารถในการผลิตมือถือล้ๆ เหล่านี้ได้จริง (แต่ยังไม่พร้อมสำหรับการผลิตเป็นจำนวนมากเพื่อวางจำหน่าย) อีกทั้งยังเป็นการทำให้ผู้ใช้งานรับทราบอีกว่าตอนนี้บริษัทกำลังวางแผนอะไรอยู่ ในอนาคตจะมีอะไรใหม่ๆ ออกมาให้ได้ว้าวกัน

5. ตลาดมือถือระดับกลางที่เข้มข้นกว่าเดิม

ลาก่อนยุคผูกขาด แบรนด์เดียวครอง Market Share แบบโดด ๆ เพราะปี 2021 (เอาจริงก็เริ่มตั้งแต่ 2020 แล้ว) เหล่าค่ายมือถือต่างๆ น่าจะงัดไม้ตายมาสู้กันแบบถึงพริกถึงขิง เนื่องจากต้องยอมรับเลยว่าการที่แบรนด์จีนเข้ามาหั่นราคามือถือให้ถูกลง แถมอัดสเปคแบบจัดเต็มสุดๆ ทำให้ยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung ไม่สามารถใช้กลยุทธ์แบบเดิมได้อีกต่อไป ต้องเปลี่ยนแผนออกมาสู้ จนทำให้ปีที่ผ่านมาเราได้เห็นมือถือ Galaxy A มีสเปคดีขึ้น และราคาที่จับต้องได้มากกว่าเดิม

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ ก็ Mi 10T Pro นี่แหละ ที่อัดสเปคมาให้แบบชนิดที่ว่าเรือธงบางรุ่นต้องมีอายอะ แถมตั้งราคามาแบบโอ้โหหห เอากำไรมาจากไหน! ไม่แน่ว่าในปี 2021 การทำแบบนี้อาจจะเป็น Norm มากขึ้น แต่ละค่ายต่างเลือกที่จะใช้กลยุทธ์บ้าบิ่นแบบนี้ เปิดตัวมือถือสเปคเรือธงในราคาเรือกลางกันมากกว่าเดิมขึ้นเอง ซึ่ง…ใครได้ประโยชน์จากการแข่งขันนี้กันล่ะ ☺️🙌🖐 คำตอบคือเราทุกคนไง!

6. ชาร์จไร้สายจะเป็นที่นิยมมากขึ้น

พักหลังจะเห็นว่าแต่ละค่ายเริ่มออกมาขิงความสามารถของระบบชาร์จไวแบบไร้สาย (Wireless Charging) กันมากยิ่งขึ้น จากแต่ก่อนให้ชาร์จได้ถึง 5W หรือ 10W นี่ก็ถือว่าเก่งมาก ๆ แล้ว แต่ปัจจุบัน ขีดจำกัดของระบบชาร์จไร้สายได้ก้าวไปแตะเกือบ 100W กันแล้ว! แม่เจ้า ไวกว่าชาร์จไวแบบมีสาย (Wired Charging) ของหลายๆ เจ้าในตลาดตอนนี้ซะอีก น่าเสียดายที่ตอนนี้ มือถือที่รองรับชาร์จไร้สายส่วนมากยังเป็นพวกเรือธงอยู่ แต่ก็ไม่แน่ว่าในปี 2021 พวกเรือกลาง หรือรุ่นล่างๆ อาจจะได้ลิ้มลองระบบชาร์จแบบนี้ก็เป็น..ได้.. (ทำเสียงแบบคนอวดผี ฮ่าๆ)

หรือว่าจริงๆ แล้ว สาเหตุของการไม่แถมหัวชาร์จมาในกล่องก็คือ เพื่อที่จะทำให้สมาร์ทโฟนในอนาคตเป็นแบบ Portless หรือไม่มีพอร์ตใดๆ เลย… เออ อันนี้น่าคิดแฮะ ต่อไปจะชาร์จก็ใช้แบบไร้สายเอา ไม่ต้องพกสายให้ยุ่งยาก

7. ระบบปฏิบัติการขั้วที่สาม

ตอนนี้ Android และ iOS ถือว่าครองเจ้าตลาดของระบบปฏิบัติการมือถือชนิดที่ว่าแทบจะไร้คู่แข่งเลยล่ะ แต่เชื่อว่าในปี 2021 เราอาจจะได้เห็นขั้วที่สาม (หรือสี่..) ออกมาท้าชนกับสองยักษ์ดังกล่าวกันมากขึ้น เพราะจากข้อพิพาทสงครามการค้า ​(Trade War) ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ใส่ชื่อ HUAWEI เข้าไปไว้ในบัญชีดำ ส่งผลให้บริษัทสัญชาติจีนนี้ไม่สามารถใช้งานแอปและบริการต่างๆ ของ Google ได้ ทำให้พวกเขาต้องดิ้นรนพัฒนาระบบของตัวเองใหม่ขึ้นมาในชื่อ HarmonyOS ที่ใช้ HUAWEI Mobile Services เข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนแทน Google Mobile Services ซึ่งบอกเลยว่าตอนนี้ใกล้จะสมบูรณ์เต็มทีแล้วล่ะ แอปต่างๆ เริ่มเข้ามาในระบบ HUAWEI AppGallery กันมากขึ้น

ไม่แน่ว่าพอเจ้าอื่นๆ เห็น HUAWEI ทำแบบนี้ พวกเขาอาจจะมีแรงบันดาลใจให้คิดค้นระบบปฏิบัติการของตัวเองขึ้นมาด้วยก็ได้ เอาไว้เป็นแผนสำรองเผื่อวันนึงไม่สามารถใช้งานระบบ Android ได้

อย่างไรก็ดี แต่ก่อนก็เคยมีขั้วที่สามมาแล้วนะ นั่นก็คือ Windows OS ของ Microsoft นั่นเอง แต่ก็แหละ…พังไม่เป็นท่าเลย ระบบเสถียรจริง แต่ไม่ค่อยมีนักพัฒนามาเขียนแอปลงเท่าไหร่ พอไม่มีแอปยอดนิยม ผู้ใช้ก็เซย์โน พังไปตามระเบียบ

8. การจับมือระหว่างแบรนด์มือถือกับแบรนด์กล้อง

ถ้าไม่ได้เป็นสายถ่ายรูปแบบจริงจัง บอกเลยว่าพกมือถือเครื่องเดียวเวลาไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ เอาอยู่หมด จะถ่ายวิว ถ่ายคน ถ่ายอะไร ด้วยเทคโนโลยีของกล้องในสมาร์ทโฟนปัจจุบัน ตอนนี้ถือว่าทำได้หมดแทบจะทุกอย่าง แถมยังทำผลงานออกมาได้น้องๆ กล้องใหญ่เลยล่ะ ถ่ายปุ๊บ พร้อมขึ้นโซเชียลได้เลยทันทีในไม่กี่อึดใจ

แต่ในปีหน้าบอกเลยว่ากล้องสมาร์ทโฟนจะสะเด่าขึ้นไปอีกขั้น เพราะพักหลังๆ จะเห็นว่าแบรนด์มือถือต่างๆ เริ่มออกจับมือกับมืออาชีพกันมากขึ้น ล่าสุดก็ Vivo ที่ไปพาร์ทเนอร์กับ ZEISS ร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์แชร์เทคโนโลยีต่างๆ กัน อีกทั้ง OnePlus ก็มีข่าวลือว่าแอบไปจีบ Leica ให้มาช่วยตีบวกพัฒนากล้องถ่ายรูป ที่ถือเป็นจุดด้อยของพวกเขามาโดยตลอด

ส่วน HUAWEI เหมือนเป็นผู้มาก่อนกาล เพราะได้ปิดดีลกับ Leica มานานหลายปีแล้ว จะสังเกตเห็นได้ว่ากล้องของมือถือ HUAWEI แต่ละรุ่นถือว่าสุดจริงๆ เปิดตัวทีไร ครองชาร์ต DxOMark ตลอด แถมคุณภาพของรูปที่ได้นี่ก็แทบจะแยกไม่ออกเลยว่าอันไหนถ่ายจากกล้องมือถือ อันไหนถ่ายจากกล้องใหญ่

9. บอกลาแพเพราะมีการซัพพอร์ตที่ยาวนานขึ้น

ระยะเวลาความยาวนานในการอัปเดตเวอร์ชั่นของระบบปฏิบัติการ จัดเป็นจุดด้อยที่ไม่ว่ากี่ปีๆ จะผ่านมา Android ถือว่าเป็นรอง iOS มาโดยตลอด เพราะอย่างเก่งก็อัปได้นานสุด 3 เวอร์ชั่น จากนั้นก็โดนทิ้งเอาไว้กลางทาง ไม่เหมือนกับของอีกค่ายที่ไม่ว่าจะเก่าแค่ไหน ก็ยังปล่อยแพทช์ให้อัปเรื่อยๆ จะ iPhone รุ่นเท่าไหร่ ก็ได้ใช้ iOS รุ่นใหม่ๆ อยู่เสมอ

พอเป็นแบบนี้แล้วสาวก Android แบบเราๆ ต้องคอตกกันไปตามระเบียบ เวลาเถียงสู้กับอีกฝ่าย พอโดนจี้จุดเรื่องการอัปเดต ก็ต้องแพ้ไปตามระเบียบ ชนิดที่ไม่รู้จะเอาอะไรมาแย้ง นอกจากก้มหน้ายอมรับเช็ดน้ำตา…แต่ๆๆๆๆ Qualcomm บอกว่า ต่อไปนี้ยูไม่ต้องกลัวแล้วนะ เราจะมาช่วยพวกยูเอง เพราะล่าสุดพวกเขาได้ออกมาประกาศว่าชิปเซ็ต Snapdragon 888 หรือรุ่นใหม่กว่า จะได้รับอัปเดตเวอร์ชั่น Android อย่างน้อยๆ แน่ๆ 4 ปี อัปกันให้จุกไปข้างเลยรอบนี้

10. มือถือจอจะใหญ่ขึ้น แต่พกพาสะดวกกว่าเดิม

อ่านไม่ผิดครับ ในปี 2021 คาดว่าสมาร์ทโฟนน่าจะมีจอที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แต่พกพาง่ายขึ้น! เพราะว่า ค่ายมือถือต่างๆ เริ่มพลิกแพลงพัฒนาสมาร์ทโฟนจอพับ หรือจอม้วนมากขึ้น ซึ่งส่วนตัวมองว่ามันดีมากๆ ชอบมือถือจอใหญ่นะ แต่เวลาใส่กระเป๋ากางเกงแล้วมันค่อนข้างจะลำบากนิดนึงอะ อย่างเช่นตอนถือ Galaxy Note 20 Ultra นี่แบบ Love-Hate Relationship มากๆ ใจนึงก็ชอบที่จอมันใหญ่ ใช้งานได้เยอะ ดูคอนเทนต์อะไรเต็มตา แต่อีกใจก็แบบเฮ้อ…มันใหญ่ไปมั้ย ลำบาก หนัก แอบพกพายาก

แต่พอเป็นมือถือจอพับแบบ Galaxy Z Fold 2 หรือ Galaxy Z Flip อันนี้ก็เหมือนจะพกพาง่ายขึ้นมากว่าเดิมนิดนึง แถมเท่อีกต่างหาก ชนิดที่ควักขึ้นมาใช้งานบนรถไฟฟ้านี่มีคนแอบมองอะ ฮ่าๆ

แต่ในเรื่องของความทนทานอันนี้ก็ต้องมาแอบลุ้นกันนะ เพราะมือถือจอพับในปัจจุบัน แม้ว่าจะสะดวกจริง จอใหญ่จริง แต่เรื่องความทนยังเป็นเครื่องหมายคำถามตัวโตๆ ต่อไป…อีกทั้งพอเอามาใช้งานจริงๆ ในชีวิตประจำวัน มันก็ยังดูขาดๆ เกินๆ ไปนิด

11.กล้องเซลฟี่ใต้จอ

หลายๆ แบรนด์ต่างก็นำเอาเทคโนโลยีกล้องเซลฟี่ใต้จอมาโชว์กันตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ก็ไม่มีใครที่ทำออกมาวางจำหน่ายแบบจริงๆ จังๆ เสียที จนเมื่อเดือนกันยายน 2020 แบรนด์ ZTE ก็ได้เปิดตัว Axon 20 5G ซึ่งเป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่มากับกล้องเซลฟี่ใต้จอ แถมยังวางจำหน่ายภายในเดือนนั้นเลย ซึ่งก็ไม่แน่ว่าในปี 2021 เราน่าจะเห็นมือถือหลายรุ่นที่มากับเทคโนโลยีดังกล่าวเปิดตัวกันมากขึ้นก็ได้ เนื่องจากมันช่วยให้พื้นที่บนหน้าจอมือถือกว้างขึ้น โดยไม่มีอะไรมาบดบัง ทั้ง Notch หรือรูกล้องก็ตาม

สวัสดีปีใหม่ 2021 (ล่วงหน้า)

ทั้งหมดนี้ถือเป็นเทรนด์มือถือของปีหน้า 2021 ที่ส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะมาแน่ๆ นะครับ แน่นอนว่าอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าอาจจะมีบางอย่างที่ไม่เกิดขึ้นจริง หรือมีบางเทรนด์ที่ผมตกหล่นไป เอาเป็นว่าหากเพื่อนๆ คนไหนคิดว่าอันนี้สิน่าจะมาแรง ก็รบกวนแสดงความเห็นเอาไว้ด้านล่างเลยนะครับ มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

และผมถือโอกาสนี้ บอกสวัสดีปีใหม่ 2021 ล่วงหน้าให้กับผู้อ่าน DroidSans ทุกคนเลยนะครับ ตลอดระยะเวลากว่า 300 วันที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าส่วนตัวผมเองก็มีอะไรผิดพลาดเยอะอยู่เหมือนกัน ก็ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนนะครับที่คอยตักเตือนอยู่ตลอด บอกเลยว่าผมอ่านคอนเม้นต์เกือบหมดเลยนะ แต่อาจจะไม่ได้ตอบกลับ เพราะไม่ค่อยมีเวลาว่างซักเท่าไหร่เลย แง้ ต้องขอบคุณและขอโทษเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคร้าบบ