จีนนั้นเป็นประเทศที่มีกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัวและการเฝ้าระวังที่เข้มงวด ซึ่งตอนนี้ความล้ำหน้าในการตรวจสอบประชาชนก็ได้ก้าวขึ้นไปอีกขั้น โดยล่าสุดตำรวจจีนได้เริ่มใช้แว่นอัจฉริยะที่มีเทคโนโลยีระบุตัวตนประชาชนผ่านการสแกนใบหน้า
เราได้เห็นคลิปการทดสอบระบบ Face ID ของ iPhone X ที่ใช้ TrueDepth Sensor ในการตรวจและระบุหน้าคนด้วยภาพแบบ 3D กันไปหลายรูปแบบ ทั้งการทดลองเอาฝาแฝด พี่น้อง รวมถึงการลองสร้างโมเดล 3D ออกมาหลอก การทำงาน ซึ่งผลที่ได้คิือเหมือนกับเป็นการพิสูจน์ว่าระบบ Face ID นั้นยังมีช่องโหว่และต้องมีการพัฒนาไปอีก แต่โอกาสที่จะเจอแฝด หรือคนหน้าเหมือนมาปลดล็อคเครื่องเราคงไม่ง่าย ก็ถืิอว่ามีความปลอดภัยในระดับนึง แต่กรณีล่าสุดที่เกิดขึ้นในเมืองจีนนั้นทำเอาพนักงาน Apple ต้องยอมให้คืนเงินให้เธอไป
การที่จะลักลอบนำมือถือผ่านเครื่องตรวจโลหะซักเครื่องนั้นเรียกได้ว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ล่าสุดกลับมีข่าวว่ามีหญิงสาวชาวจีนพยายามลักลอบนำ iPhone กว่า 102 เครื่อง จากฮ่องกงกลับมายังฝั่งจีน โดยที่ต้องบอกว่า ไม่จำเป็นต้องผ่านเครื่องตรวจจับโลหะก็สามารถได้เลยว่ามีพิรุธ โดยวิธีการนั้นไม่แนบเนียนเอาเสียเลย
แต่ไหนแต่ไรมา เราเคยชินกับสินค้าจากเมืองจีนที่ลอกนวัตกรรมและดีไซน์ชาวบ้านมาผลิตเองและปล่อยขายในตลาดในราคาที่ต่ำกว่าเป็นสิบเท่า หลายคนก็ตราหน้าสินค้าจากจีนว่าไม่ต่างอะไรกับโจรขโมยความคิดคนอื่นมาโกยเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่วันนี้จีนกำลังจะก้าวข้ามภาพลักษณ์เดิมๆ เพราะสามารถสร้างนวัตกรรมของตัวเอง จดสิทธิบัตรระดับนานาชาติรวมนำหน้าประเทศอื่นๆทั่วโลกขึ้นแท่นเป็นอันดับ 3 เรียบร้อยแล้ว
ดูเหมือนว่าตอนนี้ Apple น่าจะต้องเริ่มหาตลาดใหม่และคาดว่าจะเปลี่ยนเป้าไปที่อินเดียแทนซะแล้ว เมื่อล่าสุดยอดขาย iPhone ในประเทศจีนยังคงร่วงหล่นอย่างต่อเนื่อง และเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ที่ iPhone ตกอันดับสมาร์ทโฟนขายดีอันดับ 1 ในประเทศจีน โดยเสียตำแหน่งนี้ให้กับ OPPO และโดนแบรนด์จีนอื่นๆ อย่าง vivo และ Huawei แย่งชิงตลาดไป
หลังจากที่ Samsung เพิ่งมีข่าวว่ายอดขายในประเทศจีนตกลงติดกันมาเป็นปีที่สาม ทาง Apple เองก็ไม่น้อยหน้า ยอดขาย iPhone ร่วงลงกว่า 11% ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และดิ่งลงมาอยู่ที่อันดับ 5 ในตลาดสมาร์ทโฟนจีนซะแล้ว จากที่เคยโลดเล่นอยู่ในอับดับ 3 มาก่อน
เมื่อปีที่แล้วเคยมีข่าวว่า Google กำลังเจรจากับประเทศจีน เตรียมที่จะนำ Play Store และ Play Service กลับเข้าไปยังแดนมังกร แต่หลังจากนั้นก็เงียบหายไป ไม่มีข่าวคราวใดๆ จนมาถึงตอนนี้ ทางประธานบริษัทของ Lenovo ก็ได้แอบแย้มข่าวออกมาว่า Google Play Services นั้นจะกลับเข้ามาในประเทศจีนในปีนี้
เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเราได้ข่าวลือว่ากูเกิลวางแผนที่จะยกพลแอนดรอยด์เข้าไปบุกตลาดในประเทศจีน หลังจากที่ทางกูเกิลถอนตัวจากการให้บริการค้นหาข้อมูลในจีนมาตั้งแต่ปี 2010 (เอาจริงๆ ก็เหมือนจะโดนรัฐบาลจีนไล่ออกมา) และไม่ได้ทำผลิตภัณฑ์อะไรสำหรับจีนอีกเลยนับจากนั้นมา แต่ล่าสุดรายงานจากทางสำนักข่าว Reuter ระบุว่ากูเกิลนั้นจะเข้าไปลุยตลาดในจีนจริงๆ แล้วในปีหน้า
นอกจากตลาดฝั่งตลอดด้านฮาร์ดแวร์ที่ทางฝั่ง Android กับแอปเปิลต่อสู้กันอย่างดุเดือดแล้ว ยังมีอีกฝั่งหนึ่งก็คือด้านซอฟท์แวร์และ Service บริการต่างๆ อีกด้วยที่ดุเดือดไม่แพ้กัน เมื่อเดือนที่แล้วเราทราบข่าวว่า Android Pay ที่เป็นบริการจ่ายเงินผ่านมือถือของ Android นั้นเปิดบริการที่สหรัฐอเมริกาแล้ว ซึ่งถ้าเทียบกับฝั่งของแอปเปิลแล้วถือว่าเริ่มต้นได้ช้ากว่าพอสมควร แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าตลาดบริการจะไม่จบอยู่แค่ในสหรัฐฯ แล้ว เพราะมีข้อมูลเพิ่มเติมว่าแอปเปิลก็กำลังเจรจาเตรียมเปิดบริการ Apple Pay ที่ประเทศจีน
มีรายงานระบุว่าซัมซุงจ้างคนราว 500 คนเพื่อให้ไปร่วมงานเปิดตัว Galaxy S6 และ Galaxy S6 Edge ที่จัดขึ้นในประเทศจีนเมื่อศุกร์ที่ผ่านมา ภายในงานมีผู้เข้าร่วมประมาณ 1,000 คนซึ่งหมายความว่า เป็นคนที่ถูกจ้างมาซะครึ่ง จากปากคำของผู้ที่ตามหาคนเข้าร่วมงานให้กับซัมซุงบอกว่าซัมซุงต้องการ คนที่อายุน้อยกว่า 30 ที่เหมือนนักเรียนนักศึกษา โดยจะจ่ายให้คนเข้าร่วมงานเป็นเงินราว 150 บาท เมื่ออยู่ในงาน ไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมง และผู้สรรหา "แฟนคลับปลอม" ก็ได้รับค่าจ้างราว 100 บาท ต่อคนหนึ่งคนที่หามาร่วมงานได้
