ดูเหมือนเจ้าหน้าที่รัฐจะเริ่มใช้ประโยชน์จากข้อมูลบนอุปกรณ์สมาร์ทโฟนของเราได้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด Google Location Services ก็กลายมาเป็นหนึ่งในเครื่องมือช่วยไล่ล่าอาชญากรชั้นยอด ถึงขนาดมีรายงานว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานี้ บางสัปดาห์เจ้าหน้าที่ตำรวจของสหรัฐฯมีการขอข้อมูลจากกูเกิ้ลมากถึง 180 ครั้ง แถมในแต่ละคำขออาจเกี่ยวข้องอุปกรณ์สื่อสารนับร้อยชิ้นเลยทีเดียว
ถือว่าเป็นอีกประเด็นที่มาแรงอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนสำหรับยักษ์ใหญ่อย่าง Huawei ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาที่ Meng Wanzhou (CFO) ถูกแคนาดาควบคุมตัวตามคำร้องของสหรัฐฯภายใต้กระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน จนกระทั่งวันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2019 ศาลยุติธรรมแห่งรัฐบาลกลางสหรัฐฯได้ประกาศตั้งข้อหาอาญาชนิดจัดให้ยกเข่ง 13 กระทงไล่ตั้งแต่ Huawei Technologies บริษัทลูกในเครือไปจนถึงตัวผู้บริหารอย่าง Meng Wanzhou เลยทีเดียว
หลายๆคนที่เคยเข้าเว็บเพจหรือแฟนเพจขายของออนไลน์ต่างๆ แล้วบางทีก็แค่อยากจะไล่ดูราคาของสินค้าที่เราสนใจ เพื่อเปรียบเทียบราคากับร้านอื่นๆ แต่พอไล่ลงมาดูราคาแล้วก็ต้องเจอกับข้อความที่ว่า “สอบถามราคาทาง inbox ค่ะ” ก็ทำให้เกิดความหงุดหงิดปนสังสัยได้เหมือนกันว่าทำไมไม่บอกราคาให้มันจบๆไปเลย…แต่ตอนนี้ได้มีประกาศทางการล่าสุดออกมาจัดการเหล่าพ่อค้าแม่ค้าพวกนี้แล้ว ยังทำอยู่มีสิทธิ์โดนปรับสูงสุดถึง 10,000 บาท
งานเข้าแล้วมั้ยละ Google.. หลังจากที่ถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมาธิการยุโรปมายาวนานถึง 6 ปี วันนี้ทางสื่อชื่อดังในประเทศอังกฤษ The Telegraph ก็ได้รายงานว่าทางคณะกรรมาธิการยุโรปจะเรียกค่าเสียหายจาก Google สูงถึง 3 พันล้านยูโร (~120,000 ล้านบาท) ข้อหาการผูกขาดทางการค้า ซึ่งจะเป็นค่าเสียหายที่สูงที่สุดในประวัติการเลยทีเดียว
Pele อดีตนักเตะซุปเปอร์สตาร์ระดับตำนานชาวแซมบ้า เจ้าของสถิติผู้ที่ทำประตูได้มากที่สุดในโลกตอนนี้ ได้ทำการฟ้อง Samsung บริษัทยักษ์ใหญ่จากประเทศเกาหลี เป็นจำนวนเงินสูงถึง $30 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 1 พันล้านบาท เหตุเพราะว่าใช้คนหน้าเหมือนในการลงโฆษณาทีวีของ Samsung ลงบนหนังสือพิมพ์ New York Times
เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่เคยเดินไปเล่นมือถือไป ซึ่งหลายๆ ครั้งก็บอกเลยว่ามันอาจจะติดพันเรื่องงาน หรือแชทเพลิน แต่ถ้าเรากลายเป็นคนเดินตามก็จะรู้สึกรำคาญคนเหล่านี้อยู่บ้างเพราะมักจะเดินช้ามาก หรือบางครั้งก็หยุดอยู่กับที่ไปเลย ในบ้านเราเองก็เคยมีข่าวว่าในบางมหาวิทยาลัยทำทางเดินให้คนเล่นมือถือโดยเฉพาะ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลักษะเดียวกันในต่างประเทศด้วย แต่ล่าสุดรัฐนิวเจอร์ซี่ย์กำลังพิจารณากฏหมายเอาโทษกับกลุ่มคนที่ชอบเดินไปเล่นมือถือไป โดยมีโทษปรับสูงสุด 50 เหรียญสหรัฐ (ราว 1,500 บาท) หรือจำคุก 15 วันเลยทีเดียว
จากเหตุการณ์ดราม่าอันลือลั่นประเทศไทยของสองค่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สัตว์ยักษ์ใหญ่ ที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการใช้เหล่าคนดังและเซเลปมาช่วยโปรโมทผ่านช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจขัดกับข้อกฎหมายโฆษณาเครื่องดื่มมึนเมา และตำรวจก็เตรียมเรียกตัวดารากลุ่มดังกล่าวเข้ามาสอบสวนนั้น ล่าสุดมีการระบุจากทาง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ว่าบุคคลทั่วไปที่ทำการโพสต์ลงในเครือข่ายสังคมออนไลน์ก็มีสิทธิ์โดนไม่ต่างกัน[update12/10/58] เพิ่มเติมเนื้อหาที่หลายๆคนอาจจะเข้าใจผิด และตอนนี้มีดาราเข้าไปรายงานตัวแล้ว
เป็นเรื่องเป็นราวกันมาตั้งแต่ต้นปีกับ พ.ร.บ.ความมั่นคงไซเบอร์ ที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นมาแบบสุดตัว ซึ่งหลายๆคนให้ความเป็นห่วงถึงเนื้อหาของร่างที่เขียนมาให้สามารถตีความได้กว้างครอบจักรวาล กระดิกตัวนิดหน่อยก็มีสิทธิผิดได้ และให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่แบบล้นฟ้าในการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของประชาชน จะแอบอ่านข้อความ หรือดักข้อมูลก็ทำได้ และแม้มีหลายๆฝ่ายพยายามเคลื่อนไหวให้แก้ไขหรือหยุดกฎหมายฉบับนี้ แต่ก็ไม่เปลี่ยนความคิดของรัฐบาลได้ วันนี้เราขอร่วมแสดงการไม่เห็นด้วย พร้อมสรุปความให้เพื่อนๆได้อ่านถึงร่างพ.ร.บ.นี้ และสิ่งที่พวกเราสามารถทำได้เพื่อช่วยกันหยุดมัน
