Rare Earth กลายเป็นกลุ่มแร่ธาตุที่ดังขึ้นมาแบบข้ามคืน หลังอเมริกาได้เปิดศึกแบน Huawei อย่างดุเดือด จากนั้นแม้ว่ารบ.จีนจะไม่ได้เอ่ยปากอะไรมากนัก แต่แค่ปธน.สีจิ้นผิง ไปเยี่ยมชมเหมืองแร่ Rare Earth ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของการผลิตสินค้าไฮเทคทั้งหลายและสหรัฐก็นำเข้าจากจีนเป็นจำนวนมาก ทำเอาสะท้านจนเกิดการแซวขึ้นมาว่าที่สหรัฐยอมยืดเวลาแบนออกไป 90 วันเพราะเหตุนี้เลย วันนี้เราเลยจะพาไปรู้จักเจ้าแร่ตัวนี้เพิ่มเติมกันสักหน่อย ว่ามันสำคัญอะไรขนาดนั้น
หลังจากที่ทาง Huawei และแบรนด์ลูกอื่นๆ อีกกว่า 68 บริษัท (รวมไปถึง Honor) ไม่สามารถทำธุรกิจกับ Google และนำ Android ไปใช้งานได้เพราะทางการสหรัฐขึ้นชื่ออยู่ในบัญชีดำ (Entity List) ทำให้หลายคนต่างเป็นห่วงว่ามือถือแบรนด์จีนค่ายอื่นจะโดนหางเลขไปด้วยหรือไม่ เราจึงสอบถามได้ยังค่ายต่างๆ และคำตอบที่ได้คือไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ดังนั้นนอกจาก Huawei แล้ว แบรนด์อื่นรอด!
เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้เห็นข่าวเรื่องสหรัฐออกประกาศฉุกเฉินที่ออกมาห้ามบริษัทต่างๆในประเทศใช้อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมจากบริษัทต่างชาติ ซึ่งหลายฝ่ายก็รู้ว่าเป็นการทำเพื่อยกระดับสงครามการค้ากับจีนและหัวเว่ย แต่ยังไม่มีการสรุปผลที่แน่ชัดออกมาว่ามีอะไรที่จะได้รับผลกระทบบ้าง จนวันนี้ต้องพากันตื่นตระหนกเมื่อทางสำนักข่าวต่างประเทศได้ให้ข้อมูลว่าหัวเว่ยอาจจะไม่ได้ใช้งาน Android ที่มี Google เป็นแกนหลักอีกต่อไป ส่งผลให้การอัพเดทแพทช์ความปลอดภัยต่างๆอาจล่าช้า รวมถึงรุ่นใหม่ๆก็อาจจะชวดได้ใช้ Google Services ทั้งหมดอีกด้วย
นับเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่ Samsung อาจพบกับสภาวะถดถอยสำหรับรายงานผลกำไรประจำไตรมาส ที่ทางบริษัทฯ จะมีการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4 ของปี 2018 ที่ผ่านมา โดยข้อมูลจาก Institutional Brokers’ Estimate System (IBES) เผยว่า Samsung อาจมีการประกาศผลกำไรจากการดำเนินงานที่ลดลงถึง 12% จากปีก่อน หลังยอดขาย iPhone มีปัญหา รวมถึงตลาดมือถือในจีนที่หดตัวลงทุกปี โดยจะอยู่ที่ราวๆ 11,850 ล้านเหรียญสหรัฐ และรายได้รวมจะลดลงอีก 5% เนื่องจากยอดขายผลิตภัณฑ์หน่วยความจำที่ไม่เข้าเป้าเอาเสียเลย
จากกรณี Meng Wanzhou ประธานการเงิน (CFO) ของ Huawei ถูกควบคุมตัวที่แคนาดาสาเหตุจากอาจความเกี่ยวพันกับการฟอกเงินและทำธุรกรรมกับอิหร่านผ่านบริษัทตัวแทน Skycom นั้น ล่าสุดศาลแวนคูเวอร์ของแคนาดายอมให้มีการประกันตัวแล้ว แต่เรื่องมันยังไม่จบ แถมเหมือนจะผูกปมหนักกว่าเดิมไปอีก เพราะทางการจีนได้ไปจับตัวอดีตทูตแคนาคาเข้าให้
คดีความระหว่าง Qualcomm และ Apple ในประเทศจีนนั้นดูท่าจะไม่จบง่ายๆ ซึ่งจริงๆ ก็มีการฟ้องกันไปมาหลายรอบแล้ว แต่ล่าสุดศาลประชาชนในมณฑล Fuzhou มีคำตัดสินให้ Qualcomm เป็นฝ่ายชนะคดีสิทธิบัตร และเบื้องต้นก็มีการสั่งแบนห้ามนำเข้าและวางจำหน่าย iPhone บางรุ่นในประเทศจีนแล้ว
Apple ยังมีปัญหากับยอดขาย iPhone รุ่นใหม่ที่ลดลงจนต้องเปลี่ยนสายการผลิตไปเน้นที่ iPhone รุ่นเก่าแทน ซึ่งรายงานการสำรวจในจีนจาก Mobdata นั้นก็ดูเหมือนจะสอดคล้องกัน เพราะชาวจีนที่นิยมซื้อ iPhone นั้นเป็นกลุ่มที่มีรายได้เดือนนึงราวๆ 15,000 บาท ทำให้ไม่สามารถซื้อ iPhone รุ่นใหม่ๆ ที่ Apple ตั้งราคาแพงขึ้นทุกปีๆ ได้
ถึงแม้ว่าสมาร์ทโฟนแบรนด์จีน(บางค่าย)จะโดนแบนอย่างหนักในสหรัฐอเมริกา แต่ดูเหมือนจะไม่ได้กระทบกับยอดขายสักเท่าไรห่ แถมตลาดในประเทศยังกลับมาโตอีกรอบ โดยรายงานล่าสุดกล่าวว่ายอดขายในประเทศจีนในไตรมาสที่ 2 นั้นสูงขึ้นถึง 2.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คาดว่าในปีนี้จะโตได้ถึง 10% และจะสามารถขายได้ถึง 94.2 ล้านเครื่อง
เมื่อช่วงต้นเดือน Xiaomi ประสบความสำเร็จล้นหลามในการขายเรือธงตัวใหม่อย่างซีรีส์ Mi 8 ที่ใช้เวลาขายหมดแค่ไม่ถึง 1 นาทีเท่านั้น (37 วินาที) ล่าสุด Donovan Sung ตัวแทนจากบริษัทได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าตอนนี้ Mi 8 ได้ขายออกไปแล้วกว่า 1 ล้านเครื่องโดยใช้เวลาเพียง 18 วันเท่านั้น
หลังจากที่ Nokia X6 เปิดตัวออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อนก็ได้ฤกษ์เริ่มวางขายในจีนเป็นที่แรก และอาจมีการนำไปขายในประเทศอื่นๆเพิ่มเติมอีกเมื่อ Juho Sarvikas หัวเรือฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ HMD Global เผยผลสำรวจว่าผู้บริโภคในพื้นที่นอกจีนก็อยากซื้อด้วยเช่นกัน ซึ่งนอกจากนี่จะเป็นข่าวดีสำหรับทาง HMD แล้ว ยอดขายในจีนก็สามารถทำออกมาได้ดีจนน่าตกใจอีกด้วย
