เวลาช่างผ่านไปไวเหมือนโกหก เผลอแปปเดียวก็เข้าสู่ช่วงท้ายปี 2022 เป็นที่เรียบร้อย ปีนี้นับว่าเป็นปีที่วงการ Tech ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศค่อนข้างวุ่นวายอยู่พอสมควร เพราะมีทั้งข่าวการควบรวมกิจการ, เลิกกิจการ และการเลย์ออฟพนักงานครั้งใหญ่ของบริษัทระดับบิ๊ก เรียกได้ว่าสถานการณ์พลิกกันวันต่อวันเลยทีเดียว เพื่อไม่ให้มีใครขบวน วันนี้เราจึงได้รวบรวมข่าวที่เป็นกระแสตลอดทั้งปี 2022 นี้ มาให้ชาว Droidsans ได้อ่านกันครับ

ด้วยความที่เรื่องระดับ Big Moment ในปี 2022 นี้มีหลายเรื่องราวมาก เราจึงได้จำแนกเป็นประเด็นใหญ่ ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน หากใครสนใจประเด็นไหนสามารถคลิกที่รายชื่อด้านล่าง และข้ามไปที่หัวข้อนั้น ๆ ได้เลย

เทรนมือถือปี 2022: จอพับมาแรง แฟชั่นโฟนกำลังกลับมา

วงการมือถือในช่วงปี – 2 ปีที่ผ่านมานี้คงใกล้ถึงทางตันในด้านของดีไซน์แล้ว เพราะถ้าเอามือถือที่เปิดตัวในช่วงปีนี้มาวางใกล้ ๆ กันก็แทบจะแยกหน้าตามันแทบจะไม่ออก หลาย ๆ แบรนด์มือถือในยุคปัจจุบันดูเหมือนจะมุ่งเน้นไปพัฒนาฟีเจอร์ภายในอย่างพวกกล้อง หรือเทคโนโลยีชาร์จไวที่ก็ใกล้ถึงคราวตันแล้วเหมือนกัน ทำให้วงการมือถือปี 2022 ขาดความสนุกไปเมื่อเทียบกับหลายปีก่อน แต่อย่างไรก็ตามเทรนมือถือมีแนวโน้มที่ผู้ใช้งานจะเบนไปหามือถือที่มีความเป็นแฟชั่นไม่เหมือนใคร มีลูกเล่น ฟีเจอร์เจ๋ง ๆ ตัวเครื่องสามารถถือเป็นเครื่องประดับก็ได้ ใช้งานก็ดี ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ “มือถือจอพับ” นั่นเอง

ยอดขายมือถือจอพับไตรมาสแรกปี 2022 เพิ่มกว่า 571% จากปีที่แล้ว แบบฝาพับตลับแป้งขายดีที่สุด

ปี 2022 ถือเป็นปีทองสำหรับมือถือจอพับเลยทีเดียว เพราะแค่ไตรมาสแรกยอดจัดส่งรวมทั้งหมดก็กระโดดพุ่งสูงกว่า 571% เข้าไปแล้ว หลาย ๆ แบรนด์ก็ได้เริ่มกระโดดเข้าสู่สังเวียนจอพับ โดยเปิดตัวทั้งรุ่นแรก และรุ่นภาคต่อ ทำเอานักวิเคราะห์อย่าง Counterpoint ได้คาดการณ์ว่าปีนี้สมาร์ทโฟนจอพับจะเติบโตกว่าเดิม และคาดว่ายอดขายรวมอาจมีสิทธิ์แตะ 16 ล้านเครื่อง ซึ่งสูงกว่าปีก่อน 73% เลยทีเดียว

และแน่นอนว่ามือถือจอพับ Form Factor ที่ขายดีที่สุดก็ไม่พ้นดีไซน์แบบฝาพับตลับแป้ง หรือ Clamshell โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Galaxy Z Flip3 ที่ได้ครองส่วนแบ่งการตลาดไปถึง 51% ของมือถือจอพับทั้งหมด ด้วยตัวเครื่องที่มาในดีไซน์เล็กกะทัดรัด และเปิดตัวมาพร้อมแฟชั่น Accessories ที่สามารถทำให้ตัวเครื่องโดดเด่นไม่เหมือนใครทำให้กวาดความนิยมจากประชาชนไปได้เลยเต็ม ๆ

นี่เป็นแค่น้ำจิ้มเล็ก ๆ ของช่วงต้นปีเท่านั้น เพราะหลังไตรมาส 1 ยังมี Galaxy Z Flip4,  Motorola Razr 2022, HUAWEI Pocket S และ OPPO Find N2 Flip ที่พาเหรดกันเปิดตัวแบบติด ๆ และยังไม่ได้นับยอดขายรวมเข้าไปด้วย ซึ่งหลังนับรวมยอดจัดส่งรวมทั้งปี 2022 แล้ว จะทะลุเป้าตามที่หลายนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้หรือไม่ ช่วงต้นปีหน้าจะได้รู้กันแน่นอน

Play video

เปิดตัว Nothing phone (1) มือถืออินดี้ดีไซน์เท่ เก๋ไม่เหมือนใคร

เทรนแฟชั่นโฟนไม่ได้มีแค่มือถือจอพับอย่างเดียว เพราะมีแบรนด์ม้ามืดน้องใหม่จาก Carl Pei อดีตผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ดัง OnePlus ได้กระโดดออกมาทำมือถือแบรนด์ใหม่สุดแหวกแนว ลบภาพมือถือสุดน่าเบื่อ ปลุกกระแสแฟชั่นโฟนด้วยดีไซน์สุดเท่ ด้านหลังโปร่งใสมีไฟเส้น LED สีขาวที่สามารถกะพริบเป็นจังหวะตามเสียงเรียกเข้า หรือ Notification ได้ จนกลายเป็นที่พูดถึงเป็นวงกว้างทั้งในวงการ IT และในโลกโซเชียล อีกทั้งยังติดอันดับสิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยมปี 2022 จากนิตยสาร TIME ด้วย

Nothing phone (1) ได้นิยามตัวเองเป็นแฟชั่นโฟนอย่างชัดเจนด้วยการเปิดหน้าร้านสาขาแรกในย่านแฟชั่นหรู เมืองผู้ดีจิบชาอย่างย่านโซโห เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ แถมยังได้ร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นดังอย่าง Chet Lo นำสินค้าของ Nothing ขึ้นไปโชว์บนรันเวย์ Spring Summer 2023 ในงาน London Fashion Week 2022

ในไทยเองยังได้นำตัวเครื่องล็อตแรกมาขายกับร้านแฟชั่นสตรีทชื่อดังอย่าง CarnivalBKK จนขายหมดภายในไม่กี่นาทีด้วย เรียกได้ว่า Nothing อาจเป็นคลื่นลูกแรก ๆ ที่จะทำให้แฟชั่นโฟนกลับมาอีกครั้งก็เป็นได้

Play video

2022 ยุคทองมิจฉาชีพไทย กับกลลวงออนไลน์สารพัดรูปแบบ

 

ในปีนี้เป็นปีที่มีข่าวคราวเกี่ยวกับแก๊งมิจฉาชีพกันไม่หยุดหย่อนตลอดทั้งปีไม่ว่าจะเป็น แก๊งคอลเซนเตอร์ หรือแก๊งมิจฉาชีพในโลกอินเทอร์เน็ตต่างหาวิธีใหม่ ๆ มาหลอกดูดเงินในบัญชีของเรา ๆ อย่างไม่ลดละ ไม่ว่าจะติดตามข่าวสารกันสักแค่ไหน ก็ตามไม่ทันพวกแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้จนทำให้ปี 2022 นี้มีเหยื่อหลาย ๆ รายที่ต้องพลาดท่า สูญเสียเงินที่หามาอย่างเหน็ดเหนื่อยภายในพริบตา

เกลือเป็นหนอน! พันตำรวจโทพร้อมเจ้าหน้าที่รัฐ ขายข้อมูลคนไทยให้แก๊งคอลเซนเตอร์จีน แลกกับเงินวันละ 20,000 บาท

หลาย ๆ คนที่เคยโดนพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาก่อกวนอาจเคยสงสัยว่า พวกโจรเหล่านี้เอาข้อมูลเรามาจากไหน เพราะบางครั้งเวลาที่มิจฉาชีพโทรมาดันพูดชื่อเสียงเรียงนามของเราได้ถูกต้องจนน่าขนลุก แต่ในที่สุดก็มีการเฉลยออกมาเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หลังกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ทำการจับกุม พันตำรวจโท และเจ้าหน้าที่รัฐ 2 รายที่ทำงานอยู่ในส่วนงานที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของประชาชน เพราะได้นำข้อมูลส่วนตัวของประชาชนกว่า 1,000 ราย ไปขายให้แก๊งคอลเซนเตอร์จีนแลกกับเงินเดือนละ 600,000 บาท ใครจะไปคิดว่าคนที่ประชาชนไว้ใจมากที่สุด กลับกลายเป็นคนที่ทำร้ายเราเสียเอง

เตือน ! มิจฉาชีพใช้ Bot สุ่มเลขบัตรเครดิต ดูดเงินทางออนไลน์ในการทำธุรกรรม

ในเมื่อซื้อข้อมูลเหยื่อ และโทรไปหลอกไม่ได้ ก็สุ่มมันซะเลย! เพราะมิจฉาชีพเหล่านี้จะใช้โปรแกรมอัตโนมัติ หรือที่เราเรียกว่า Bot สุ่มหาข้อมูลเลขหน้าบัตร และตัวเลข 3 หลักหลังบัตรไปใช้ทำในธุรกรรมออนไลน์ และสั่งซื้อสินค้าในราคาต่ำ ๆ โดยที่เราแทบไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ก็ตอนเห็นบิล เพราะถ้าเราซื้อสินค้าในยอดต่ำ ๆ ระบบจะไม่ร้องขอเลข OTP ในการทำรายการนั่นเอง หากใครมีบัตรเครดิตอยู่ในมือให้หมั่นสังเกตประวัติการทำธุรกรรมของบัตรเครดิตในมือให้ดี หากมีอะไรผิดปกติ ขอให้ทุกท่านตั้งสติ และโทรหาผู้ให้บริการบัตรเครดิตใบนั้น ๆ ทันที

สารพัดเว็บลวง ล้วงข้อมูลส่วนตัว

ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีการคลาสสิคของเหล่ามิจฉาชีพบนโลกอินเทอร์เน็ตที่มีมานานหลายสิบปี แต่ก็ไม่วาย มีคนโดยหลอกอยู่เรื่อย ๆ เพราะรูปแบบของกลโกงวิธีนี้จะถูกเปลี่ยนไปอยู่ตลอด ๆ จนเราเองก็ตามไม่ทัน โดยในปีนี้ก็มีวิธีแปลก ๆ ทั้งหลอกเป็นเว็บหน่วยงานราชการล่อให้ติดตั้งแอป, เว็บ LINE ปลอมหลอกให้โหลดสติกเกอร์ฟรี หรือแม้กระทั่งเว็บลอยกระทงออนไลน์ปลอมก็มี

โดยเว็บไซต์เหล่านี้มักจะหลอกให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัวของเราตั้งแต่ ชื่อ-นามสกุล รหัสบัตรประชาชน หรือแม้กระทั่ง เลขบัตรเครดิต ซึ่งหากมิจฉาชีพได้ข้อมูลเหล่านี้ไปก็แทบจะขโมยตัวตนของเราไปทำธุรกรรม หรือเรื่องผิดกฏหมายได้เลยทันที หากใครส่งลิงก์อะไรแปลก ๆ มาก็ขอให้ลองตรวจสอบ URL กันอย่างถี่ถ้วนก่อน ทั้งนี้ทาง Droidsans เองก็เคยเขียนวิธีดูเว็บปลอมไว้อยู่ หากใครสนใจก็ลองเข้าไปศึกษาได้เพื่อความปลอดภัยต่อตนเอง และเงินในบัญชี ไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพอีกต่อไป

แนะนำวิธีดูเว็บปลอมหน่วยงานรัฐ มิจฉาชีพใช้หลอกติดตั้งแอปมัลแวร์ พร้อมยกตัวอย่างเทียบของจริง

ฟิชชิงเมลหลอน หลอกดูดเงินเกลี้ยงบัญชี

ฟิชชิงเมลเป็นหนึ่งในวิธียอดฮิตที่มิจฉาชีพนิยมใช้กันในปีนี้ โดยมิจฉาชีพจะส่ง SMS อีเมล และลิงก์ ซึ่งอะไรทั้งหลายเหล่านี้จะนำไปสู่เว็บไซต์ปลอมที่มีแบบฟอร์มให้กรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ตลอดจนถึงหมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ซึ่งหากเราหลงเชื่อ เผลอกรอกข้อมูลส่วนตัวลงไป มิจฉาชีพก็จะนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ในทางที่เสียหาย หรือผิดกฎหมายทันที

อย่างกรณีดังในปีนี้ที่มีผู้ใช้งาน Shopee กว่า 50 รายโดนดูดเงินในบัญชีจนเกลี้ยง เป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 900,000 บาท หากใครที่กลัวว่าตกเป็นเหยื่อ วิธีป้องกันง่าย ๆ แค่ไม่กดลิงก์แปลกปลอมที่ส่งมาจากคนแปลกหน้า หรือจะนำวิธีที่เราเคยเขียนไว้ด้านล่างมาปรับใช้ได้เหมือนกัน

มุขใหม่มิจฉาชีพ! ปลอมเว็บหน่วยงานราชการ หลอกติดตั้งแอปขโมยข้อมูล หรือเข้าคุมเครื่องแล้วโอนเงินออก

การควบรวมของเหล่าผู้ให้บริการมือถือ และอินเทอร์เน็ตไทย

เรียกได้ว่าเป็นข่าวที่ฮือฮาที่สุดของประเทศไทยในปี 2022 เลยทีเดียว หลังผู้ให้บริการมือถือ และอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่เพียงหยิบมือต่างต้องการที่จะผนึกกำลังกัน จนทำให้ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ กังวลถึงเรื่องการผูกขาดในตลาด และอาจต้องแบกรับค่าบริการที่แพงขึ้น

กสทช. ลงมติ “รับทราบ” ดีลควบรวม ทรู-ดีแทค พร้อมออกมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค

กสทช. ได้ออกมาตัดสินแล้วอย่าง(ไม่ค่อย)ชัดเจนว่า “รับทราบ” ในกรณีที่ True และ dtac จะควบรวมธุรกิจ แทนที่จะลงว่า ‘อนุมัติ’ หรือ ‘ไม่อนุมัติ’ หลังจากพิจารณามานานราว 1 ปี โดยทั้งสองบริษัทยักษ์จะจะดำเนินการควบรวมให้แล้วเสร็จในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า ทั้งนี้กสทช. ระบุว่าการควบรวมจะอยู่ภายใต้มาตรการเงื่อนไขคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อรักษาประโยชน์ผู้ใช้บริการอย่างเคร่งครัด เช่นการกำหนดเพดานอัตราค่าบริการไม่ให้สูงเกินไป

AIS ประกาศเข้าซื้อไฟเบอร์ 3BB และ JASIF มูลค่า 32,420 ล้านบาท

เอไอเอสถือโอกาสพลิกเกมในฝั่งของเน็ตบ้าน หลังประกาศเข้าซื้อหุ้นทริปเปิลทรีบรอดแบนด์หรือ 3BB เป็นจำนวนร้อยละ 99.87 รวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน JASIF จำนวนร้อยละ 19 รวมเป็นจำนวนเงิน 32,420 ล้านบาท แต่กว่าจะยินยอมกันก็มีปัญหาพ่อแง่แม่งอนกันนิดหน่อยเพราะ 3BB ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอแก้ไขสัญญาบางส่วนจากทาง AIS ในเรื่องขอยกเลิกสัญญาประกันรายได้ (Rental Assurance Agreement) และการขอแก้ไขสัญญาเช่าหลัก (Main Lease Agreement) แต่ในที่สุด AIS ยอมไม่แก้ไขสัญญา และเดินหน้าเข้าซื้อ 3BB เพื่อหวังจะได้ฐานลูกค้าเน็ตบ้านเพิ่มขึ้นจาก 2 ล้านรายเป็น 4.4 ล้านราย ซึ่งดีลนี้คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาส 1/2566

E-Commerce ไทยเดือด! สู้จนขาดทุน

ถึงแม้ว่าสถิติการช้อปออนไลน์ในไทยจะสูงเป็นอันดับที่ 9 ของโลก แต่การแข่งขันของแอปช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดุเดือดในไทยทำให้แพลตฟอร์มเหล่านี้ต้องทุ่มเงินลงทุนมหาศาลเพื่อออกโปรโมชันลดแหลก ส่งฟรี จนเจ้าที่ทำกำไรได้จริง ๆ มีน้อยมาก ทำให้หลาย ๆ บริษัทเริ่มปรับโครงสร้าง รวมถึงถอนตัวออกจากไทยไปเลยก็มี ซึ่งในปีนี้ก็มี 2 เจ้ายักษ์ใหญ่เริ่มส่งสัญญาณถึงความยากลำบากของตลาด E-Commerce กันบ้างแล้ว

Sea ปลดพนักงาน Shopee เพิ่มอีก ! รวม 7,000 คนในรอบ 6 เดือน

ถึงแม้ว่า Shopee จะเป็นถึงยักษ์อันดับ 2 ของธุรกิจ E-Commerce ในไทย แต่ก็ไม่วายขาดทุนหนักไปกว่า 3,988 ล้านบาทในปีที่แล้ว จนในปีนี้ก็ถึงคราวต้องปรับโครงสร้างเลิกจ้างพนักงานในประเทศไทยทั้งหมดกว่า 300 คนไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมผ่านมา แถมยังปลดฟ้าผ่าเพิ่มอีก 1 ระลอกไปกว่า 10% ประมาณ 300 รายในเดือนกันยายนด้วย ซึ่งสถานการณ์ของ Shopee ไม่ได้แย่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น เพราะบริษัทแม่ของ Shopee ทั่วโลกอย่าง Sea ก็ได้ปลดพนักงานรวมกว่า 7,000 คน หรือคิดเป็น 10% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดของบริษัทเข้าไปแล้วในปีนี้ ซึ่งอนาคตของ Shopee จะเป็นอย่างไร ต้องคอยติดตามกันต่อไปในปีหน้า

JD Central เตรียมถอนตัวออกจากไทย เหตุธุรกิจโตไม่ได้ตามเป้า แม้ลงทุนไปแล้ว 5 หมื่นล้านบาท

โบกมือบ๊ายบายกันเร็วกว่าที่คิดสำหรับ JD บริษัท E-Commerce ยักษ์ใหญ่ของจีนหลังได้จับมือร่วมกับเครือเซ็นทรัลภายใต้ชื่อ JD Central และเปิดให้บริการไปได้เพียง 5 ปีเพียงเท่านั้น ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา JD Central ก็ขาดทุนสะสมมาอยู่ตลอดจนประเมินเป็นตัวเลขอยู่ที่ราว ๆ 5 หมื่นล้านบาท จนในที่สุดก็ต้านตลาด E-Commerce ในไทยที่มีความดุเดือดไม่ไหว จนบริษัทแม่ก็ได้ถอนทุน และแพ็คกระเป๋ากลับบ้านเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้ไม่รู้ว่าทางเซ็นทรัลจะเอายังไงกับแพลตฟอร์มนี้ต่อ ซึ่งก็ต้องรอติดตามประกาศกันอีกที

มาตรการ BEV ปลุกกระแสรถยนต์ไฟฟ้าในไทย

หลังจากที่รัฐบาลไฟเขียวออกมาตรการลดหย่อนภาษีให้กับรถยนต์ไฟฟ้าในไทยเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ทำให้กระแสรถยนต์ไฟฟ้าในไทยมาแรงสุด ๆ หลากหลายแบรนด์ที่ส่งรถ EV มาลองตลาดก่อนทั้ง NISSAN, GWM หรือ MG ต่างลดราคารถ EV ของตัวเองกันตั้งแต่หลักหมื่นปลาย ๆ ไปจนถึงหลักแสน! และในปีนี้เองก็มีแบรนด์ใหม่ ๆ แห่กันเข้ามาทำตลาดในบ้านเราเพื่อตอกย้ำความแรงของกระแสรถ EV โดย 3 แบรนด์น้องใหม่ในตลาดรถยนต์ไทยที่เป็นกระแสมากที่สุดในปี 2022 มีดังนี้

NETA V ส่งรถยนต์ EV รุ่นแรกบุกไทย

NETA V เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมเปิดราคาเพียง 549,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาในระดับเดียวกับรถยนต์ Eco-Car เลยทีเดียว แถมยังทำยอดจองไปได้มากกว่า 3,000 คันภายในระยะเวลาอันสั้น และในตอนนี้หลาย ๆ คนในประเทศไทยก็เริ่มได้รับรถยนต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

BYD ATTO 3 เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ

เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ระดับโชว์รูมแตกเลยทีเดียวสำหรับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีนที่ขายดีแซง Tesla อย่าง BYD ซึ่งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาก็ได้ส่งรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นแรกอย่าง BYD ATTO รุ่น Extended Range โดยได้เปิดราคามาที่ 1,199,900 บาท แถมยังพร้อมให้บริการสุด เพราะในปี 2565 มีโชว์รูมกับศูนย์บริการในไทยแล้วถึง 31 แห่ง และจะเพิ่มอีก 60 แห่ง ในปี 2566 โดยวันแรกของการจองทำเอาโชว์รูมแตกกันตั้งแต่เช้ามืด เพราะหลาย ๆ คนได้เข้าไปแห่จองเพราะอยากได้รถ 500 คันแรกของประเทศไทยมาไว้ในครอบครองนั่นเอง

Tesla ทักทายประเทศไทยอย่างเป็นทางการ มาพร้อมราคาตลาดแตก!

ปิดปี 2022 ด้วยเซอร์ไพรส์สุดยิ่งใหญ่ เพราะแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ทุกคนรอคอยอย่าง Tesla ก็ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยได้ส่ง Tesla Model 3 และ Model Y มาเป็นน้ำจิ้มก่อน พร้อมประกาศราคาวางจำหน่ายออกมาเป็นทางการ โดย Model 3 มีราคาเริ่มต้นที่ 1,759,000 บาท ส่วน Model Y เริ่มต้นที่ 1,959,000 บาท ทำเอาตลาดแตก และทำเอาหลาย ๆ คนที่นำเข้ามาก่อนหน้านี้กุมขมับเพราะติดดิยกันเลยทีเดียว ในตอนนี้ทั้ง 2 เปิดให้จองได้กันแล้ว และจะพร้อมส่งมอบรถได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 เป็นต้นไป

2022 ปีชงของ Apple

ถึงแม้ปีนี้ Apple จะเปิดตัว iPhone 14 Pro Series มาพร้อมกับดีไซน์กล้องหน้าแบบใหม่ Dynamic Island ที่ทำให้หลากหลายสื่อได้ชื่นชมกับลูกเล่นของมัน แต่อย่างไรก็ตาม ปีนี้ก็ดูเหมือนไม่ใช้ปีของ Apple สักเท่าไหร่  เพราะตอนทั้งปีนี้ โดยเฉพาะครึ่งปีหลัง Apple ก็ได้เจอกับปัญหาที่มาจากทั้งสินค้าของตัวเอง ปัญหาจากทางโรงงานผู้ผลิต หรือแม้กระทั่งปัญหาจากกฎหมายระดับทวีป ที่ทำให้ Apple ต้องตกที่นั่งลำบากอยู่เหมือนกัน

Foxconn ระงับการผลิตในเซินเจิ้น เหตุจีนสั่งล็อกดาวน์ กระทบ Apple อย่างจัง

โดนปิดทั้งต้นปีในเดือนมีนาคม และปลายปีในเดือนพฤศจิกายนสำหรับโรงงานผลิต iPhone รายใหญ่ที่สุดที่ตั้งอยู่ในจีน ด้วยมาตรการโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลจีนที่เข้มงวดระดับที่แค่ตรวจพบผู้ติดเชื้อแค่เพียงรายเดียวในบริเวณโรงงาน พื้นที่ก็จะถูกล้อม และสั่งห้ามเข้าออกทันที ทำให้พนักงานต้องหนีกันอย่างจ้าละหวั่น ไม่อยากโดนกักตัวกันอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งส่งผลให้สายการผลิต Phone 14 Pro Series หยุดชะงักจนผลิตได้ไม่ทันความต้องการของลูกค้าทั่วโลก ซึ่งหลาย ๆ คนที่สั่งตัวเครื่องผ่าน Apple Store Online ต้องรอของกันนานเกือบเดือน แถมยังไม่ผลิตได้ไม่ทันช่วงเทศกาลคริสต์มาสซึ่งเป็นช่วงที่ยอดขายจะพุ่งสุด ๆ อีกด้วย ทำให้ Apple สูญเสียรายได้ตรงนี้ไปอย่างน่าเสียดาย

โรงงานผลิต iPhone ป่วนหนักในจีน พนักงานนับร้อยประท้วงถูกเบี้ยวค่าจ้าง ต้องทนสภาพการทำงานย่ำแย่

หลังโดนสั่งล็อกดาวน์โรงงาน Foxconn ที่ Apple ใช้ประกอบมือถือ iPhone ณ เมืองเจิ้งโจวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้พนักงานหลากหลายชีวิตที่ติดอยู่ในนั้นต้องทำงานกันในระบบปิดเพื่อกันไม่ให้โรคระบาดออกมาข้างนอก แต่อย่างไรก็ตามคนข้างในยังต้องทนลำบากกับการระบาดอยู่เหมือนเดิม พนักงานยังต้องทนกับสภาพการทำงานที่ไม่เหมาะสม อาหารช่วงล็อกดาวน์โควิดที่ไม่เพียงพอ ประกอบกับการถูกดีเลย์ค่าจ้างโบนัสตามที่ตกลงกันไว้ จึงทำให้เหล่าพนักงานลุกฮือขึ้นมาประท้วงจนเกิดความวุ่นวาย และความรุนแรงขึ้น และแน่นอนว่าภาพที่ออกมาทำให้บริษัทคู่ค่ารายใหญ่อย่าง Apple นั้นดูไม่ดีไปโดยปริยาย

ผู้ใช้งาน iPhone 13 Pro Series ทั่วโลกผวา! เจอจอเขียวไม่ทราบสาเหตุ

ผู้ใช้ iPhone 13 Pro Series ต่างกินไม่ได้ นอนไม่หลับเป็นกังวลว่าเครื่องในมือของตัวเองจะจอเขียวไปกับเขาเมื่อไหร่ เพราะถ้าเครื่องมีปัญหา แล้วประกันดันหมด ผู้ใช้งานจะต้องแบกรับค่าซ่อมจอจากศูนย์บริการที่มีราคาแพงกว่า 15,000 บาทเลยทีเดียว ทำเอาร้านตู้ประกาศงดรับซื้อ/ขาย iPhone 13 Pro Series เพราะเกรงว่าอาจจะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมจอหากเกิดปัญหาขึ้นในอนาคตด้วย ซึ่งปัญหาจอเขียวที่เกิดขึ้นอย่างปริศนาก็ได้ข้อสรุปว่าอาจเป็นเพราะกาวสายแพที่ใช้เชื่อมต่อจอภาพเกิดเสื่อมสภาพ และละลายจากความร้อนสะสม ทำให้หน้าแผงวงจรสัมผัสขั้วจอเกิดเคลื่อนตัวทำให้จอแสดงผลมีปัญหานั่นเอง

EU ขีดเส้นตายอย่างเป็นทางการ iPhone ต้องเปลี่ยนเป็น Type-C ภายใน 28 ธ.ค. 2024

หลังร่ำรวยกับสาย Ligthning และค่าชิป MFi อยู่กว่า 10 ปี สหภาพยุโรป หรือ European Union (EU) ก็ได้ทำการตอกฝาโลง ขีดเส้นตายให้ทุกสมาร์ทโฟน รวมถึง iPhone ที่ใช้พอร์ต Lightning อยู่แค่เจ้าเดียวต้องเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-Type C ภายในวันที่ 28 ธันวาคม 2024 ส่งผลกระทบให้ iPhone / iPad รวมถึงอุปกรณ์เสริมทุกชนิดที่ใช้พอร์ต Lightning ทุกชนิดต้องจำใจเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-Type C ให้เหมือนกันทั้งหมด งานนี้ผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ ก็ยิ้มออก ไม่ต้องทนกับสายชาร์จสุดแพงจาก Apple อีกแล้ว

Meta เจ็บหนัก กลับตัวไม่ได้ ไปไม่ถึง

ปีนี้เป็นปีที่เรียกได้ว่าเจ็บหนักสำหรับ Meta หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ Facebook เพราะนอกจากจะโดนมรสุมจากทั้งรายได้จากโฆษณาบน Facebook และ Instagram ที่ลดลง ธุรกิจหลักอย่าง Facebook ที่ค่อย ๆ เสื่อมความนิยมลงจนสื่อขนานนามให้เป็นบ้านพักคนชราแห่งโลกอินเทอร์เน็ต และโปรเจ็กต์ที่หมายมั่นปั้นมืออย่าง Metaverse ที่เริ่มส่อแววล่มจากความไม่สมประกอบของตัวเกม จนกลายเป็น 1 ปีที่ถือว่าแย่สุด ๆ ของ Meta เลยก็ว่าได้

Metaverse ทำขายหน้า

โปรเจ็กต์โลกเสมือนที่หัวเรือใหญ่อย่างมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์กได้หมายมั่นปั้นมือ กลับกลายเป็นที่ตลกขบคันบนโลกอินเทอร์เน็ตในชั่วข้ามคืน หลัง CEO คนเก่งได้แชร์ภาพโลก Horizon Worlds และตัวละครของตัวเองโพสท่าเซลฟี่ลงในเน็ต แทนที่จะได้ฟีดแบคดี ๆ กลับกลายเป็นว่าชาวเน็ตต่างพากันขำ กลายเป็นมีมภาพล้อเลียนกันไปสักพักใหญ่ เพราะกราฟิก Horizon Worlds ของตัวเกมที่เข้าขั้นแย่ บวกกับใบหน้าของตัวละครที่จืดชืดไร้อารมณ์อย่างเห็นได้ชัด จนทำให้ มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ต้องออกมายอมรับพร้อมสัญญาว่าจะพัฒนาให้มีความสวยงามมากขึ้นในอนาคต

ต้านไม่ไหว…Facebook ตกอันดับ Top 10 แอปยอดนิยมในอเมริกา เพราะสู้แอปมาแรงอย่าง Tiktok ไม่ได้

ด้วยความที่คนรุ่นใหม่หันไปเล่นแพลตฟอร์มอื่นอย่าง Tiktok กันมากขึ้นทุกวัน ในที่สุด Facebook ก็ได้ร่วงออกไปจากอันดับ Top 10 แอปยอดนิยมบน App Store ของสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่าตัวแพลตฟอร์มเริ่มเสื่อมความนิยมกันแล้ว ซึ่งเมื่อต้นปี 2022 ทาง Facebook ยังเคยออกมาเผยว่ายอดผู้ใช้รายวันมีจำนวนลดลง และไม่ใช่แค่ผู้ใช้รายใหม่ไม่ยอมเข้ามาเล่น แต่ผู้ใช้รายเก่ายังหยุดเล่นแอปไปอีกด้วยซะอย่างงั้น แต่อย่างไรก็ตาม Facebook ก็ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ อย่าง Reels ที่คล้าย ๆ กับ TikTok เพื่อเรียกผู้ใช้รุ่นใหม่อย่างคน Gen Z และ Gen Alpha เข้ามาใช้งาน แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า มันน่ารำคาญมากกว่าน่าใช้งานเสียอีก

Meta ปลดพนักงานครั้งใหญ่ 11,000 คน ยอมรับตัดสินใจผิดพลาด แต่ยืนยันพัฒนา Metaverse ตามแผนต่อไป

หลังจากล้มลุกคลุกคลานมาทั้งปี ในที่สุด Meta ก็ทนไม่ไหวประกาศปลดพนักงานระลอกใหญ่ 11,000 คน หรือนับเป็น 13% ของบริษัทเลยทีเดียว ซึ่งสาเหตุที่ต้องปลดพนักงานเยอะไปขนาดนี้เป็นเพราะ Meta ได้ประเมินสภาพธุรกิจหลังช่วง Covid-9 ผิดไป ทั้งการแข่งขันของแอปโซเชียลต่าง ๆ ที่ดุเดือดขึ้น แถมรายได้จากการโฆษณาก็ลดลงหลัง ทำให้รายได้หลักของบริษัทต้องหดหายไปด้วย โดยทิศทางหลังจากนี้ Meta จะไปโฟกัสกับกลุ่มธุรกิจที่ช่วยพัฒนาบริษัทให้เติบโตขึ้น เช่นการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ และโปรเจกต์ Metaverse ที่ยังไม่ยอมแพ้ไปง่าย ๆ แม้โดนกังขาจากหลายนักวิเคราะห์ ในปีหน้า Meta จะพลิกกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งได้หรือไม่ ต้องรอติดตามกัน

Elon Musk กับหลายเรื่องราวในปีนี้

ในปีนี้ถือว่าเป็นปีทองของ Elon Musk เลยทีเดียว เพราะทั้งสื่อไทย และต่างประเทศต่างเทพื้นที่สื่อให้ CEO สุดกวน ซึ่งในปีนี้เองเขาก็ได้เปิดตัวนวัตกรรมต่าง ๆ รวมถึงสร้างความโกลาหลให้กับวงการ Tech อย่างไม่หยุดหย่อน เราจึงได้รวบรวม 2 โมเมนต์ใหญ่ของ Elon Musk ในปี 2022 นี้มาสรุปให้อ่านกัน

Elon Musk เผยโฉม Optimus หุ่นยนต์มนุษย์แห่งอนาคต

Play video

หลังจากที่นำรูปคอนเซปต์มาโชว์กันเมื่อปี 2021 ในปีนี้ Elon Musk ก็ได้นำหุ่นยนต์มนุษย์รุ่นต้นแบบนาม Optimus ออกมาโชว์เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งดีไซน์ก็ถือว่าเป็นการดาวน์เกรดจากรูปคอนเซปต์อยู่พอควร โดยหุ่นต้นแบบที่นำมาโชว์นั้นมีถึง 2 ตัวด้วยกัน ตัวแรกสามารถเดินเองช้า ๆ พร้อมโพสท่าสุดกวนโชว์สื่อในงานพอเป็นพิธี ส่วนตัวที่สองทีมงานต้องพากันเข็นมันออกมาจากหลังเวที แต่ถึงจะเดินเองไม่ได้ แต่ก็กลไกแขนขาสุดยืดหยุ่นคล้ายมนุษย์จริง ๆ โดยหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ Optimus อาจพร้อมขายเร็วสุดประมาณปี 2025 และอาจมีราคาวางจำหน่ายสูงถึง 750,000 บาท

Elon Musk ปิดดีลซื้อทวิตเตอร์ 1.6 ล้านล้านบาท

หลังจากที่ทำทียึกยักจน Twitter ต้องขู่ฟ้อง ในที่สุด Elon Musk ก็ปิดดีลซื้อทวิตเตอร์ไปด้วยเงินมูลค่า 44 พันล้านเหรียญ ตีเป็นเงินไทยมูลค่า 1.6 ล้านล้านบาท พร้อมขึ้นแท่นเป็น CEO คนใหม่ทันที แถมเข้ามาไม่ทันจะครบเดือนดีก็สร้างความวุ่นวายด้วยการแก้ระบบ Twitter Blue ให้ผู้ใช้ที่เสียเงินมีเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าทุกคน จากที่เคยมีให้เฉพาะบัญชีอย่างเป็นทางการของบุคคลและองค์กรที่มีชื่อเสียง ทำให้ผู้ใช้งานต่างสับสนกับข่าวปลอมที่เต็มหน้าฟีดไปหมด นอกจากนี้แล้วยังสั่งปลดพนักงานราว 3,800 ชีวิต หรือกว่า 50% ด้วย ท้ายที่สุดแล้วความโกลาหลนี้จะไปจบที่ตรงไหน จะมีอะไรพีคขึ้นกว่านี้รึเปล่า ปี 2023 จะได้รู้กัน

 

และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวระดับ Big Moments ที่เกิดขึ้นในวงการ IT ปี 2022 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็จะปี 2023 หรือ 2566 กันแล้ว ทาง Droidsans ก็ขอขอบคุณที่ติดตามเรามาต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 14 ปี ทางทีมงานขออวยพรให้ทุกท่านมีความสุขตลอดทั้งปี 2023 และกลับมาเจอกันใหม่ในปีหน้าครับ